๙๓.ก่อนจะมีการร่วมจ่าย
- drpanthep
- 11 ส.ค.
- ยาว 1 นาที
วันก่อนนั่งเลคเชอร์นอกห้องเรียนให้น้อง ๆ ระดับ Ph.D. ที่เข้ามาทำงานในองค์กรผิดยุค เพราะขาดพี่เลี้ยง เก่งมาจากไหนก็ตามทำงานโดยไม่มีคนตั้งโจทย์ ไม่มีพี่เลี้ยง ไม่มี resource person รับรองจบเห่ครับ สมัยปลายชีวิตการเป็นครูแพทย์ของผม ที่คณะแพทย์ ม.อ. เขาปรับระบบการเรียนของนักเรียนแพทย์เป็นแบบ PBL ที่ย่อมาจาก Problem-Based Learning คือเรียนแบบผสมผสานวิชาชั้นพรีคลินิก โดยมีโจทย์ปัญหา เช่นเรื่องราวของเด็กชายเขียวที่เกิดมา ๑ สัปดาห์พบว่าเวลากินนมหรือร้องไห้จะตัวเขียว นักเรียนแพทย์ก็ต้องคิดเชิงระบบว่าอาการเขียวเกิดจากอะไร เริ่มจากกายวิภาคศาสตร์ สรีรวิทยา ชีวเคมี การเรียนแบบ PBL จะมีตำราอ้างอิงให้นักเรียนแพทย์ไปค้นคว้า แต่ที่สำคัญจะมีอาจารย์เป็น resource person คือคนที่ให้ข้อมูลเชิงวิชาการนอกเหนือจากการอ่านตำรา และมีอาจารย์ที่เป็น facilitator คือคนที่จะให้คำแนะนำให้นักเรียนแพทย์ไม่คิดออกนอกลู่นอกทางเวลาที่ทำกลุ่มวิชาการกัน ผมผ่านทั้งการเป็น resource person และ facilitator มาแล้ว น้อง ๆ Ph.D. กลุ่มนี้บางคนยังมีจิตวิญญาณของนักวิจัย มองไม่ออกว่าการทำงานเชิงวิเคราะห์เชิงนโยบายต้องทำอย่างไร ขาด resource person ขาด facilitator เวลาคิดอะไรเลยมักจะโดนพวก anti-social แบบผมทักท้วง ฮิ ๆๆ
ออกนอกเรื่องไปอีกแล้ว ขอกลับมาเข้าเรื่อง หัวข้อที่คุยกันในวันนั้นคือเรื่องการจ่ายชดเชยค่าบริการสาธารณสุขแบบต่าง ๆ มันวกเข้ามาประเด็นการร่วมจ่าย ผมเล่าความโชคดีของผมที่มีโอกาสได้เข้าไปร่วมในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์สำคัญ แต่หลายคนลืมไปแล้วเพราะบางคนหมดอำนาจ หลายคนไม่ได้ประโยชน์จากเหตุการณ์นั้น
ในช่วงปลายสมัยนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประมาณ พ.ศ.๒๕๕๓ กลุ่ม รพ.คณะแพทยศาสตร์หรือที่เรียกว่า UHOSNET ได้ทำหนังสือถึงนายกฯ อภิสิทธิ์ ผ่าน ดร.กนก วงศ์ตระหง่าน ว่า UHOSNET ขาดทุนจากการให้บริการผู้ป่วยสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือสิทธิบัตรทอง ๓๐ บาท จะขอให้รัฐบาลอนุมัติให้ UHOSNET สามารถเรียกเก็บค่าบริการเพิ่มจากผู้ป่วยที่เรียกว่า co-payment หรือ ร่วมจ่าย นายกฯ อภิสิทธิ์นัดผู้บริหาร UHOSNET และ สปสช.เข้าพบที่ทำเนียบรัฐบาลฝ่าย สปสช.ไปกัน ๖ คน ประกอบด้วยพี่วินัย สวัสดิวร เลขาธิการ สปสช., อ.อัมมาร สยามวาลา ประธานอนุกรรมการการเงินการคลังของคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ, พี่วิโรจน์ ตั้งเจริญเสถียร เจ้าพ่อเศรษฐศาสตร์สาธารณสุข ผู้เป็นคนเริ่มคิดต้นทุนของระบบหลักประกันฯ, พี่พีรพล สุทธิวิเศษศักดิ์ รองเลขาธิการ สปสช.ที่รับผิดชองการบริหารกองทุน, หมอจเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช.คนปัจจุบันซึ่งขณะนั้นเป็น ผ.อ.สำนักนโยบายและแผน และผม ซึ่งเป็น ผ.อ.สำนักพัฒนาคุณภาพบริการรับผิดชอบการสนับสนุนระบบบริการ
หลังจากที่ทั้ง ๒ ฝ่ายร่ายยาวร่ายสั้นถึงปัญหาของแต่ละฝ่าย นายกฯ อภิสิทธิ์ ก็ฉายความเป็นผู้มีสติปัญญาแบบน่าประทับใจ นายกฯ อภิสิทธิ์บอกว่าจากข้อมูลทั้งหมดผมคิดว่าระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเป็นสิ่งที่รัฐบาลจัดเพื่อให้คนไทยทุกคนได้เข้าถึงบริการพื้นฐานทางด้านสาธารณสุขตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ส่วน UHOSNET คือโรงพยาบาลของโรงเรียนแพทย์ที่มีวัตถุประสงค์หลักคือการเรียนการสอน แต่ด้วยความที่เต็มไปด้วยครูบาอาจารย์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญจึงจำเป็นต้องให้การรักษาผู้ป่วยที่ยาก รพ.อื่น ๆ ไม่สามารถรักษาได้
ก่อนที่ UHOSNET จะบอกว่ารักษาผู้ป่วยสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติแล้วขาดทุน นายกฯ อภิสิทธิ์ต้องการให้ UHOSNET แจกแจงต้นทุนให้ละเอียดก่อนว่า ผู้ป่วย ๑ คน ถูกใช้ไปในการเรียนการสอนกี่เปอร์เซ็นต์ ถูกใช้ไปในการวิจัยกี่เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือคือการรักษาพยาบาล ให้แยกว่าเป็นการรักษาโรคทั่วไปที่เรียกว่าระบบการรักษาแบบปฐมภูมิ แบบทุติยภูมิ หรือว่าเป็นการรักษาโรคที่ยุ่งยากที่เรียกว่าการรักษาแบบตติยภูมิ แบบตติยภูมิขั้นสูงสุด เพื่อที่จะแยกว่าในความเป็นจริงการรักษาผู้ป่วยรายนั้นควรเรียกเก็บจาก สปสช.เป็นจำนวนเท่าไร เนื่องจากการเรียนการสอน การวิจัยมีงบมาจากแหล่งอื่นต้องไม่นำต้นทุนมาเหมาอยู่กับส่วนที่ สปสช.ต้องจ่ายในส่วนของการรักษา ต้องแยกการรักษาพื้นฐาน กับการรักษาที่ยุ่งยาก ก่อนอื่น UHOSNET ต้องตอบให้ได้ว่าในการรักษาผู้ป่วยของ UHOSNET ที่ต้องใช้เครื่องไม้เครื่องมือพิเศษมากมาย มันเป็นความจำเป็นหรือมีเรื่องของการสอนการวิจัยแอบแฝงอีกชั้น หากมันเป็นความจำเป็นต่อการรักษาจริง ๆ รัฐบาลจะต้องจัดหาเครื่องมือเหล่านั้นให้ทุก รพ. หรือกระจายให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ แต่ถ้าบอกว่ามีเรื่องการสอนแอบแฝง แสดงว่าหมอที่จบจาก UHOSNET ที่มีเครื่องมือเหล่านี้ จะมีคุณภาพเหนือกว่าหมอที่จบจากสถาบันที่ไม่มีเครื่องมือนี้ใช่หรือไม่ โดยยกตัวอย่างว่าในขณะนั้นคณะแพทย์ ม.นเรศวร ยังไม่มี รพ.เป็นของตนเอง ยังฝากเรียนใน รพ.ของกระทรวงสธารณสุข แสดงว่าหมอที่จบจาก ม.นเรศวร มีคุณภาพด้อยกว่าหมอที่จบจากศิริราช รามาธิบดี จุฬาลงกรณ์ใช่หรือไม่เจอไม้นี้ของนายกฯ อภิสิทธิ์เข้าไปทาง UHOSNET อึ้งกิมกี่ไปเลย สุดท้ายนายกฯ อภิสิทธิ์บอกว่ายินดีรับข้อเสนอของ UHOSNET แต่ทาง UHOSNET ต้องไปทำการบ้านเรื่องต้นทุนแท้จริงกับความจำเป็นในการลงทุนด้านอุปกรณ์มาให้พิจารณาก่อน วันนั้น UHOSNET พร้อมใจกันยกหน้าที่นี้ให้ รพ.สงขลานครินทร์ ภายใต้ ผ.อ.เรืองศักดิ์ ลีธนาภรณ์ เป็นผู้ไปทำการศึกษาให้ได้คำตอบ
น่าเสียดายที่นายกฯ อภิสิทธิ์ หมดวาระไปเสียก่อนที่ทาง รพ.สงขลานครินทร์จะนำข้อเสนอมาให้พิจารณา เราเลยไม่เห็นกระบวนการพิจารณาเรื่องการร่วมจ่ายหรือ co-payment แบบที่มีวิชาการสนับสนุน และผมไม่รู้ว่าหมอจเด็จ เลขาธิการ สปสช.คนปัจจุบันจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้หรือเปล่า
บันทึกเมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๘
ความคิดเห็น