๖๒.รู้หน้าไม่รู้ใจ
- drpanthep
- 23 เม.ย. 2565
- ยาว 1 นาที
ผมเพิ่งจะมาเจอเหตุการณ์ที่เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าคำกล่าวว่า “รู้หน้าไม่รู้ใจ” นี่มันเป็นจริง เรื่องที่ผมจะเล่าให้ฟังนี่เป็นเรื่องของคน ๆ หนึ่ง และเจ้าตัวอนุญาตให้ผมนำมาเล่าได้
ผมมีรุ่นพี่ที่สนิทกันคนหนึ่งเป็นผู้หญิง พอบอกว่าเป็นรุ่นพี่ผมหลายคนก็คงจะนึกภาพป้าแก่ ๆ คนหนึ่ง แต่ไม่ใช่นะครับพี่คนนี้แกเป็นคนดูแลตนเองดีพอสมควร ด้วยความที่เรียนจบพยาบาลและทำงานเป็นพยาบาลมาตลอดจนขอลาออกก่อนเกษียณ แกเลยไม่เหมือนป้าแก่ ๆ เป็นแค่คุณน้ายังสาว
พี่แกมีปัญหาเรื่องสุขภาพจึงมาปรึกษาและเล่าเรื่องของแกให้ฟัง แกบอกว่าตอนอายุ ๓๐ ปลาย ๆ ใกล้จะ ๔๐ แกเจาะเลือดตรวจพบว่าระดับไขมันในเลือดอยู่ในระดับสูงสุดของค่าปกติมาตลอด ทั้ง ๆ ที่แกเป็นคนผอม แต่ถามดูพบว่าพฤติกรรมการกินไม่สู้ดี เพราะชอบกินของทอด โดยเฉพาะเฟรนช์ฟรายด์นี่ชอบมาก ด้วยระดับไขมันในเลือดแบบนี้แกก็ยังไม่เปลี่ยนพฤติกรรม ยังคงกินเหมือนเดิม ไม่ออกกำลังกาย จนกระทั่งถึงช่วงวัยทองระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนแปรปรวนส่งผลให้ระดับไขมันในเลือดแกพุ่งขึ้นถึงระดับที่ต้องกินยาลดไขมัน ถึงช่วงนี้เริ่มมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมควบคุมอาหารกินของมันน้อยลง มีการออกกำลังด้วยกิจกรรมเข้าจังหวะคือลีลาศ มีบางช่วงก็เล่นโยคะ เต้นแอโรบิค กินยาสม่ำเสมอ ก็สามารถคุมระดับไขมันในเลือดได้ดี แต่ลองหยุดยาแล้วไม่สำเร็จจึงต้องกินยาต่อเนื่องมาตลอด คนที่เห็นหน้าไม่มีใครรู้เลยว่าแกมีระดับไขมันในเลือดสูง เพราะรูปลักษณ์ภายนอกสวยงามหุ่นดี บุคลิกเฮฮาปาร์ตี้ไม่มีลักษณะคนอมโรค นี่ก็เห็นว่าเพิ่งกลับจากการไปลั้นลางานร่วมรุ่น
จนมาเดือนที่แล้วแกปรึกษาผมว่ารู้สึกว่ามีอาการใจสั่น บางครั้งก็รู้สึกเจ็บแค้น ๆ แสบ ๆ กลางหน้าอก ผมก็บอกไปว่าอาการเจ็บแค้น ๆ แสบ ๆ กลางหน้าอกน่าจะเป็นอาการที่เรียกว่า heartburn ซึ่งเกิดจากการที่น้ำย่อยในกระเพาะอาหารมันไประคายเคืองเยื่อบุหลอดอาหาร เป็นอาการหนึ่งของโรคสุดฮิตในยุคนี้คือโรคกรดไหลย้อน ส่วนอาการใจสั่นให้ลองจับชีพจรในช่วงที่มีอาการ แกลองจับแล้วพบว่าชีพจรมันเต้นไม่สม่ำเสมอ มีจังหวะหยุดสั้น ๆ แกไปตรวจคลื่นหัวใจแล้วส่งมาให้ดูมันปกติดี
ผมเลยแนะนำให้แกไปหาหมอโรคหัวใจ เพราะการตรวจคลื่นหัวใจในช่วงที่ไม่มีอาการมันจะไม่พบความผิดปกติ
หมอหัวใจนัดแกไปติดเครื่องมือพิเศษที่เรียกว่าเครื่อง Holter ซึ่งเป็นการบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ๒๔ ชั่วโมง ตรวจภาพเอกซเรย์ทรวงอก ตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียง(echocardiography) และตรวจการทำงานของหัวใจด้วยการวิ่งสายพาน(exercise stress test)
ปรากฏว่าตรวจพบการเต้นผิดปกติของกล้ามเนื้อหัวใจ จากการที่มีกล้ามเนื้อหัวใจตายบางส่วน หมอหัวใจจึงสั่งให้กินยาป้องกันการเกิดอาการจากกล้ามเนื้อหัวใจตาย และยาลดการทำงานของเกล็ดเลือด เพื่อไม่ให้เกิดการอุดตันของเส้นเลือดโคโรนารีซึ่งเป็นเส้นเลือดเล็ก ๆ ที่หล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ ซึ่งก็ต้องกินไปตลอดชีวิต
นอกจากการกินยาโรคหัวใจ ๒ ตัวนี้แล้ว ยังต้องกินยาลดไขมันในเลือดอีก ๑ ตัว พี่แกยังมีโจทย์ใหญ่คือต้องปรับพฤติกรรมของตนเอง เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้โรคมันเป็นรุนแรงมากไปกว่านี้ เพราะถ้าไขมันในเลือดมันสูงก็จะเกิดการหนาตัวของเส้นเลือดหัวใจจนเกิดการตีบตัน เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด กล้ามเนื้อหัวใจตาย การรักษาก็ต้องเปลี่ยนจากการกินยาไปเป็นต้องมีการตรวจสวนฉีดสีดูเส้นเลือดหัวใจหากมีการตีบก็ต้องทำการขยายด้วยบอลลูนแล้วใส่ขดลวดค้ำยัน หากตันก็ต้องกรอทะลุทะลวงก่อนทำการขยายด้วยบอลลูน หรืออาจจะถึงขั้นต้องทำการผ่าตัด เลวร้ายที่สุดก็อาจจะเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน
บทสรุปก็คือเห็นหน้านี่ไม่รู้ใจจริง ๆ อย่าว่าแต่ใจคนอื่นเลย หน้าเราที่เราเห็นในกระจกทุกวันเรายังไม่รู้ใจเราเลยว่าเป็นอย่างไร อย่าคิดว่าโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดจะเป็นกับผู้สูงอายุ ปัจจุบันเราเจอคนไข้ที่เป็นโรคนี้อายุน้อยขึ้นเรื่อย ๆ จากเรื่องของรุ่นพี่ผมคนนี้ โชคดีที่แกเป็นพยาบาลพอจะมีความรู้ พอจะรู้ว่าร่างกายกำลังผิดปกติ ถ้าเป็นคนทั่วไปก็อาจจะละเลย มารู้อีกทีก็ตอนเป็นมากแล้ว
สิ่งที่อยากจะเน้นคืออยากให้ทุกคนมีพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพของตนเองและคนในครอบครัวด้วยหลัก ๓อ.๒ส. คือ อ.๑ กินอาหารดีมีประโยชน์ต่อร่างกาย หลีกเลี่ยงอาหารที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรค คือไม่กินหวานจัด ไม่กินเค็ม ไม่กินมัน
อ.๒ หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การออกกำลังควรเน้นการออกกำลังกายแบบแอโรบิค เน้นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ
อ.๓ ทำตัวให้เป็นคนอารมณ์ดี จิตใจผ่องใส ไร้ความเครียด
ส.๑ งดสูบบุหรี่ ทั้งบุหรี่มวน บุหรี่ไฟฟ้าที่ผลเสียรุนแรงกว่าบุหรี่มวน
ส.๒ งดสุรายาดอง นาน ๆ จิบทีแบบผมได้ไม่เป็นไร
และควรมีการตรวจสุขภาพทุกปี เพื่อที่จะได้ตรวจพบความผิดปกติแต่เนิ่น ๆ
ความคิดเห็น