๖๘.คุณภาพการบริการ
- drpanthep
- 24 เม.ย. 2565
- ยาว 1 นาที
ภารกิจที่ผมรับผิดชอบก็จะเป็นเรื่องของการจัดการให้เกิดระบบบริการที่มีคุณภาพ เพื่อผลประโยชน์กับคนไข้ เราต้องขอความร่วมมือกับสมาคมวิชาชีพ ราชวิทยาลัยทางการแพทย์ต่าง ๆ ผมจึงต้องทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ ทั้งแพทย์ พยาบาล ตลอดจนบุคลากรทางการแพทย์อื่น ๆ เป็นส่วนใหญ่ จะขอเล่ากระบวนการทำงานของพวกเราให้ได้รับรู้กัน
การจะทำให้ได้ระบบบริการที่มีคุณภาพนี่มันต้องเริ่มตั้งแต่การจัดหาหน่วยบริการที่มีคุณภาพ แล้วให้บริการแบบมีคุณภาพ ฟังดูอาจจะงง การจัดหาหน่วยบริการที่มีคุณภาพมาให้บริการนี่เราต้องเริ่มตั้งแต่จัดหาเกณฑ์มาตรฐานของหน่วยบริการมาทำการตรวจประเมินหน่วยบริการ ถ้ามีใครทำเกณฑ์ไว้แล้วเราก็สบายหยิบจับมาใช้ได้เลย แต่หากไม่มีเราก็ต้องจัดทำขึ้นเองโดยอาศัยคณะทำงานที่เป็นผู้เชี่ยวชาญต่าง ๆ ทั้งในเชิงความเชี่ยวชาญเฉพาะตัวหรือในนามของสมาคม องค์กรวิชาชีพมาช่วยกันจัดทำเกณฑ์ซึ่งโดยทั่วไปเกณฑ์มาตรฐานหน่วยบริการจะแบ่งเป็นหมวดหมู่คือมาตรฐานด้านอาคารสถานที่และอุปกรณ์ มาตรฐานด้านบุคลากร มาตรฐานด้านการบริการ และมาตรฐานด้านข้อมูล หลังจากนั้นก็จะมีประกาศรับสมัครหน่วยบริการเพื่อมาให้บริการ หน่วยบริการเหล่านั้นก็จะถูกตรวจประเมินตามเกณฑ์ที่กำหนดโดยคณะทำงาน แล้วนำผลการตรวจประเมินของทีมตรวจมาพิจารณาร่วมกันอีกครั้งว่าผ่านเกณฑ์หรือไม่ มีจุดไหนที่ต้องกำหนดเป็นเงื่อนไขให้หน่วยบริการแก้ไขให้เรียบร้อย เช่นเราทำเกณฑ์มาตรฐานหน่วยบริการที่ให้บริการรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดด้วยวิธีผ่าตัด เราทำร่วมกับสมาคมศัลยแพทย์ทรวงอกแห่งประเทศไทย และศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอีกหลายคน หลังจากได้เกณฑ์แล้ว เราก็จะมีทีมลงไปตรวจหน่วยบริการตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ หากผ่านก็ประกาศขึ้นทะเบียนมีสิทธิเบิกจ่ายค่าชดเชยบริการได้
สำหรับการให้บริการแบบมีคุณภาพ อันนี้หมายถึงการที่หน่วยบริการจะต้องให้การบริการตามมาตรฐานของโรคนั้น ๆ ซึ่งเราจะยึดตาม standard guideline หรือ clinical practice guideline หรือแนวเวชปฏิบัติ หรือคำแนะนำสำหรับเวชปฏิบัติซึ่งปัจจุบันจะถูกกำหนดโดยสมาคมวิชาชีพ หรือราชวิทยาลัยทางการแพทย์ แล้วผ่านการรับรองของแพทยสภา หากเรามีการจ่ายชดเชยพิเศษจากการเหมาจ่ายรายหัวเหมือนโรคทั่วไป เราก็จะนำ standard guideline มาถอดออกเป็นสิ่งที่เรียกว่า protocol หรือเงื่อนไขการจ่ายชดเชย เช่นเรานำ standard guideline ของการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมออกมาถอดว่ามะเร็งเต้านมมีการรักษาด้วยการให้รังสีรักษากี่ครั้ง การให้ยาเคมีบำบัดมีกี่สูตร แล้วนำมาเป็นเงื่อนไขในการจ่ายชดเชย งานของผมกับเจ้าหน้าที่ของผมจึงออกจะหนักไปในทางวิชาการ เจ้าหน้าที่ผมจากคนที่ไม่เคยมีความรู้เรื่องพวกนี้ก็ต้องไปอ่านไปฟัง เวลาประชุมคณะทำงานจึงจะตามทันว่าบรรดาผู้เชี่ยวชาญเขาพูดเรื่องอะไรกัน
ฟังดูกระบวนการให้ได้คุณภาพบริการไม่น่าจะยาก แต่ในความเป็นจริงแล้วแต่ละเรื่องใช้เวลาอย่างน้อย ๑ ปี กว่าจะคุยกันรู้เรื่องกับคณะทำงานที่เป็นผู้เชี่ยวชาญว่าเราอยากได้อะไร ไม่อยากได้อะไร กว่าจะฝ่าด่านคนที่คอยขัดขวางเพราะเสียผลประโยชน์ หรือสูญเสียอำนาจจึงเป็นเรื่องยากพอสมควร โชคดีที่ผมมีทีมงานดีสามารถเรียนรู้งานได้เร็ว เหนืออื่นใดทั้งผมและทีมงานไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนจากการทำงาน เราไม่ทำเวชปฏิบัติ เราไม่ต้องหาเงินสนับสนุนนอกรีตนอกรอยจากบริษัทยาและเวชภัณฑ์ เรายึดหลักว่าทำเพื่อประชาชนคนไทยที่ใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เราจึงทำงานกันด้วยความสบายใจบวกความสะใจ ในการทำงานที่ไม่มีใครอยากทำ ฮิ ๆๆ
ความคิดเห็น