๘๓.เครือข่ายบริการกลุ่มโรคที่มีอัตราตายสูง ๑
- drpanthep
- 3 พ.ค. 2565
- ยาว 1 นาที
ขอเอางานเก่าที่เคยรับผิดชอบมาเล่าสู่กันฟัง เพราะอาจจะมีประโยชน์ต่อญาติพี่น้องเพื่อนฝูงผมบ้าง
แต่ขอให้อานิสงส์ความดีที่ผมทำให้ประชาชนคนไทยที่มีสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ๕๐ ล้านคน ส่งผลให้ญาติพี่น้องเพื่อนฝูงผมไม่มีความจำเป็นต้องมาใช้บริการที่ผมและทีมงานร่วมกันพัฒนาขึ้นมานะครับ
จากข้อมูลของการให้บริการพบว่ากลุ่มโรคที่มีอัตราตายสูงได้แก่โรคหัวใจ อุบัติเหตุ โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดสมอง โรคของทารกแรกเกิด เป็นปัญหาสำคัญของระบบบริการสาธารณสุขในประเทศไทย ทั้ง ๆ ที่หลายโรคหากได้รับการรักษาที่เหมาะสม ทันเวลา อัตราตายหรืออัตราพิการจากโรคจะต่ำมาก เช่นโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันชนิดที่มีการยกขึ้นของคลื่นไฟฟ้าหัวใจส่วน ST (STEMI) และโรคหลอดเลือดสมองอุดตันเฉียบพลัน (Ischemic Stroke)
เนื่องจากโรคเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาโดยบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ ต้องใช้เครื่องมือทางการแพทย์ที่มีราคาแพง ตลอดจนค่ายาและเวชภัณฑ์อื่น ๆ ก็มีราคาแพง เป็นเหตุให้ผู้ป่วยโรคเหล่านี้จึงเข้าถึงบริการได้น้อย สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) ซึ่งรับผิดชอบดูแลสุขภาพของประชาชนคนไทยประมาณ ๕๐ ล้านคน(คนไทยที่เหลือเป็นสิทธิสวัสดิการข้าราชการฯ และสิทธิประกันสังคม) เล็งเห็นปัญหาเหล่านี้ จึงได้จัดให้มีการพัฒนาระบบบริการโรค STEMI และ Ischemic Stroke ขึ้น โดยเน้นการพัฒนา ๒ ด้าน คือพัฒนาหน่วยบริการให้มีศักยภาพ และพัฒนาการจ่ายชดเชยเป็นพิเศษจากการจ่ายชดเชยทั่วไป
ผมและทีมงานของสำนักพัฒนาคุณภาพบริการ สปสช.ในขณะนั้นจึงได้เริ่มวางระบบพัฒนาระบบบริการตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๒ โดยเน้นให้มีการจัดตั้งเครือข่ายบริการกลุ่มโรคที่มีอัตราตายสูงแต่ละด้าน และพัฒนาด้านการจ่ายชดเชยเพิ่มเติม
การจัดตั้งเครือข่ายบริการกลุ่มโรคที่มีอัตราตายสูงแต่ละด้านผลักดันผ่าน สปสช.เขตทั้ง ๑๓ เขตทั่วประเทศ โดยมีการจัดสรรงบประมาณลงไปสนับสนุนให้มีการจัดเครือข่ายระบบบริการต่อยอดจากการพัฒนา excellent center เดิมที่มีการสนับสนุนงบกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติทั้งด้านบุคลากร และครุภัณฑ์ที่มีราคาสูงและมีความจำเป็นต่อการให้บริการ ส่วนการพัฒนาด้านการชดเชย จัดให้มีการจ่ายเงินค่ายาหรือเวชภัณฑ์อื่น ๆ เพิ่มเติม
ขอพูดถึงเครือข่ายแรกคือ เครือข่ายบริการโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันชนิดที่มีการยกขึ้นของคลื่นไฟฟ้าหัวใจส่วน ST (STEMI) ขอใช้คำเรียกชื่อโรคว่า STEMI สั้น ๆ แต่เอ่ยไปแล้วหมอพยาบาลรู้จัก อ่านว่า สะ-ตี-มี่
STEMI เป็นโรคที่เกิดจากการที่หลอดเลือดหัวใจถูกอุดตันจากลิ่มเลือดเฉียบพลัน
ผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บแน่นหน้าอกด้านซ้าย อาจจะร้าวไปที่คอ ที่คาง หรืออกด้านขวา แล้วแต่ตำแหน่งของการอุดตัน
การวินิจฉัย ก็จากการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG)
การรักษา ให้ยาละลายลิ่มเลือด Streptokinase ภายในเวลา ๑๒ ชั่วโมงหลังจากมีอาการ
จากข้อจำกัดคือต้องมีแพทย์ที่อ่าน EKG เป็นจึงจะให้การวินิจฉัย STEMI ยาละลายลิ่มเลือด Streptokinase มีราคาแพงและค่อนข้างจะมีกรรมวิธีในการให้ที่ยุ่งยาก มีโอกาสเกิดผลอันไม่พึงประสงค์จากยาได้ และตัวโรค STEMI เองอาจจะเพิ่มความรุนแรงจากขนาดของการอุดตัน จึงเป็นเหตุให้ผู้ป่วย STEMI มีโอกาสตายสูง
สปสช.จึงพัฒนาระบบบริการขึ้นมาในลักษณะของการสร้างเครือข่าย เพื่อให้มีหน่วยบริการที่มีศักยภาพในการดูแลผู้ป่วยมากขึ้น และจัดสรรงบชดเชยค่ายา Streptokinase ให้ในกรณีที่มีการใช้ยากับคนไข้
เครือข่ายบริการ STEMI ประกอบด้วย
๑. หน่วยบริการแม่ข่าย เป็นหน่วยบริการที่มีอายุรแพทย์โรคหัวใจ ศัลยแพทย์หัวใจ สามารถทำการรักษา STEMI ได้ครบทุกวิธีตั้งแต่การให้ยา Streptokinase ไปจนการสวนหัวใจทำบอลลูนขยายหลอดเลือดหรือใส่ขดลวด (stent) ตลอดจนการทำผ่าตัดเส้นเลือดหัวใจ แม่ข่ายจะเป็นพี่เลี้ยงให้ลูกข่ายทั้งทางด้านวิชาการ และบริการ
๒. หน่วยบริการลูกข่ายที่ให้ยา Streptokinase ได้ จะเป็นหน่วยบริการที่มีอายุรแพทย์ หรือแพทย์ที่ผ่านการอบรมในการดูแลผู้ป่วย STEMI ตลอดจนการใช้ยา Streptokinase หน่วยบริการประเภทนี้สามารถให้ยา Streptokinase ให้ผู้ป่วยได้เองภายในเวลา แล้วส่งต่อไปให้หน่วยบริการแม่ข่ายดูแลต่อ หรืออาจจะดูแลต่อเนื่องเอง หากมีปัญหาก็ส่งผู้ป่วยไปให้หน่วยบริการแม่ข่ายดูแลต่อ เมื่อพ้นภาวะวิกฤติก็จะรับผู้ป่วยมาดูแลรักษาต่อเนื่องตามแนวทางที่เครือข่ายกำหนดขึ้น
๓. หน่วยบริการลูกข่ายที่ให้ยา Streptokinase ไม่ได้ เนื่องจากไม่มีแพทย์ที่มีศักยภาพ หน่วยบริการกลุ่มนี้จะได้รับการอบรมให้สามารถวินิจฉัยโรค STEMI และดูแลเบื้องต้นก่อนจะส่งผู้ป่วยไปยังหน่วยบริการเหนือระดับขึ้นไป
ปัจจุบัน สปสช.สามารถพัฒนาเครือข่าย STEMI ได้ครอบคลุมทั้งประเทศ ผู้ป่วยที่มีอาการสงสัยว่าจะเป็น STEMI จึงต้องรีบไปหน่วยบริการที่ใกล้ที่สุด เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย และรักษาได้ทันเวลา
ความคิดเห็น