ล่ามข้ามภพ ตอนที่ ๗
- drpanthep
- 30 ม.ค. 2566
- ยาว 1 นาที
ตอนที่ ๗
ช่วงสายวันนี้ไอ้หลงมาบอกตันจูฮวดหรือจีนว่าตันจูล้ายให้ไปพบที่บ้าน เมื่อไปถึงเห็นตันจูล้ายนั่งอยู่กับใคร ๓-๔ คน โดย ๒ คนในนั้นเป็นชาวฝรั่งต่างชาติ ตันจูล้ายเอ่ยขึ้นว่าจูฮวดฝรั่ง ๒ คนนี้เขาอยากจะมาท่องเที่ยวที่เมืองตานีแล้วเลยไปถึงเหมืองถ้ำทะลุของเรา เฮียจะให้เจ้าเป็นคนนำเขาไปเจ้าจะได้เป็นล่ามให้พวกเขาด้วย เฮียจะให้ไอ้หลงติดตามเจ้าไปด้วยเผื่อจะต้องพูดจีนหรือมลายูกับชาวบ้านมันจะได้แปลให้เจ้าได้
จีนหันไปพูดคุยกับฝรั่งต่างชาติ ๒ คนนั้นคนที่เป็นหัวหน้าชื่อมิสเตอร์คาเมรอน อีกคนชื่อมิสเตอร์โคลท์ เป็นชาวอังกฤษ ทั้ง ๒ คนประหลาดใจมากเมื่อได้คุยกับตันจูฮวดเพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่าที่เมืองปัตตานีจะมีคนรู้ภาษาอังกฤษ แต่ชายหนุ่มที่พวกเขากำลังสนทนาด้วยไม่เพียงแค่รู้ภาษาอังกฤษแต่สามารถพูดจาโต้ตอบได้คล่องแคล่วไม่ติดขัดด้วยสำเนียงชาวอังกฤษเลยทีเดียว มิสเตอร์คาเมรอนเล่าว่าเขาเป็นนักภูมิศาสตร์ตั้งใจจะมาสำรวจบ้านเมืองตลอดจนความเป็นอยู่ของผู้คนในคาบสมุทรมลายาเพื่อการศึกษา จีนรู้ดีว่านั่นไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริง เพราะอันที่จริงแล้วอังกฤษต้องการล่าอาณานิคมแหลมมลายูหรือคาบสมุทรมลายาเป็นเป้าหมายสำคัญของอังกฤษเนื่องจากเป็นพื้นที่ที่อุดมไปด้วยพืชพรรณธัญญาหารและสินแร่ต่าง ๆ เพราะต่อมาอังกฤษเข้ายึดเอาเป็นอาณานิคมและลุกลามมาจนล้นเกล้าฯรัชกาลที่ ๕ ต้องยอมเสียดินแดนหัวเมืองมลายูของไทยคือกลันตัน ตรังกานู ไทรบุรี และปะลิสเพื่อแลกกับการแก้ปัญหาเรื่องสิทธิสภาพนอกอาณาเขตของอังกฤษและคงไว้ซึ่งอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ไทยกู้มาสร้างทางรถไฟสายใต้ จีนอยากจะโต้เถียงกับมิสเตอร์คาเมรอนแต่เมื่อคิดถึงนิยายเรื่องบุพเพสันนิวาสที่นางเอกผู้ย้อนกลับไปอดีต ๓๐๐ กว่าปีเตือนตนเองตลอดเวลาว่าอย่าเปลี่ยนประวัติศาสตร์ จีนบอกตนเองว่าขณะนี้ชะตาชีวิตตนเองก็เหมือนกับตัวละครในนิยายที่ถูกเดินทางย้อนเวลากลับมา ๑๐๐ กว่าปี ชายหนุ่มจึงปิดปากเงียบนั่งฟังมิสเตอร์คาเมรอนพูดเพียงฝ่ายเดียว
จีนหวนคิดถึงบทความเรื่อง On The Pattani ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of the Straits Branch of the Royal Asaitic Society ฉบับเดือนมิถุนายน ค.ศ.๑๘๘๓ หรือ พ.ศ.๒๔๒๖ มิสเตอร์คาเมรอนคนนี้เองที่เป็นผู้บันทึก จีนนึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะมีส่วนเกี่ยวข้องในเอกสารวิชาการเรื่องนี้ด้วย ช่วงที่ทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกที่คอร์แนล เอกสารชิ้นนี้ก็เป็นหนึ่งในเอกสารอ้างอิงวิทยานิพนธ์ของเขา ชายหนุ่มรู้สึกพิศวงในโชคชะตาของเขามาก
ตกลงมิสเตอร์คาเมรอนจะใช้เวลาเตรียมการเดินทางไกล ๒ วัน เพื่อจะได้มีเวลาจัดหาเรือเป็นพาหนะตลอดจนเสบียงข้าวปลาอาหารต่าง ๆ ระหว่างนี้ตันจูฮวดจะเป็นผู้นำเขาไปยังสถานที่ต่าง ๆ ภายในตัวเมืองปัตตานี
วันรุ่งขึ้นจีนหรือตันจูฮวดพามิสเตอร์คาเมรอนและมิสเตอร์โคลท์เดินชมย่านตลาดจีน เล่าให้ฟังว่าปัตตานีถูกจัดเข้าเป็น ๑ ใน ๗ หัวเมืองในสมัยรัชกาลที่ ๑ ปกครองโดยเจ้าเมือง มีประชาชนชาวเมืองประมาณ ๓-๔ พันคนอาศัยอยู่ในตัวเมือง แต่ถ้านับรวม ๆ โดยรอบก็จะมีราว ๆ ๒ หมื่นคน ส่วนใหญ่จะเป็นคนมลายู คนจีนจะอยู่แยกเป็นสัดส่วนในย่านที่เรียกว่าตลาดจีน หรือกือดาจีนอ ซึ่งจะมีถนนสายหลักมาจากแม่น้ำปัตตานีผ่านประตูใหญ่ด้านตะวันตกของตลาดจีน ไปจนถึงประตูด้านตะวันออก ๒ ฝั่งถนนจะเป็นบ้านเรือนและร้านค้าของชาวจีน แต่จะมีคนมลายูหาบคอนสินค้าหรือแบกทูนหัวมาตั้งขายริมถนนด้วย มิสเตอร์คาเมรอนและมิสเตอร์โคลท์จะจดสิ่งที่จีนบอกเล่าและสิ่งที่เขาพบเห็นตลอดเวลา ช่วงบ่ายเราลงเรือที่ท่ากือดาจีนอแล้วให้คนเรือแจวตามน้ำออกไปที่ปากแม่น้ำ มิสเตอร์คาเมรอนนำแผนที่ของเขาให้จีนดูแล้วชี้ว่าแม่น้ำปัตตานีมีต้นกำเนิดจากยอดเขาในรัฐเปรัคซึ่งเป็นต้นกำเนิดแม่น้ำเปรัคเช่นกันโดยแม่น้ำเปรัคไหลไปตามแนวสันปันน้ำด้านตะวันตกซึ่งกั้นระหว่างเปรัคและไทรบุรีกับกลันตันและปัตตานี ส่วนแม่น้ำปัตตานีไหลมาตามสันปันน้ำด้านตะวันออกออกสู่อ่าวไทยที่ละติจูดที่ ๖.๕๕ องศาเหนือ เมื่อเรือออกไปถึงปากน้ำจีนชี้ให้มิสเตอร์คาเมรอนดูแหลมขนาดเล็กยาวประมาณ ๗-๘ ไมล์ ยื่นออกจากแผ่นดินด้านทิศตะวันออกชี้เป็นแนวโค้งไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ลักษณะเป็นเส้นโค้งของวงกลมคล้ายเขาสัตว์ ซึ่งมีจุดเด่นคือเป็นที่กำบังลมได้ดี จีนแอบเห็นมิสเตอร์โคลท์มองเขาตาแทบจะไม่กระพริบเมื่อเห็นเขาคุยแลกเปลี่ยนกับมิสเตอร์คาเมรอน เพราะคิดไม่ถึงว่าที่ปัตตานีจะมีคนที่มีความรู้ความสามารถเยี่ยงนี้ อีกคนที่ทำหน้าตาเหมือนเห็นผีคือไอ้หลง มันไม่เคยเห็นเถ้าแก่ของมันพูดภาษาฝรั่งมังค่ามาก่อนเลย เราลอยเรืออยู่ที่ปากน้ำจนดวงอาทิตย์เริ่มตกเพื่อดูกระแสน้ำขึ้นน้ำลงที่บริเวณปากน้ำ ถึงช่วงเวลานั้นกระแสน้ำเริ่มมีการพัดเปลี่ยนแปลงไปมา มิสเตอร์คาเมรอนอธิบายว่าน่าจะเกิดจากสันดอนต่าง ๆ ของแม่น้ำปัตตานี เราจุดตะเกียงแล้วแจวทวนน้ำกลับเข้าเมืองปัตตานี เมื่อกลับถึงบ้านกงสีจีนแทบจะนอนไม่หลับเพราะตื่นเต้นกับเหตุการณ์ในวันนี้ นี่ไม่ใช่ความฝันแต่เป็นอะไรที่จีนเองก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร เหตุใดเขาจึงย้อนเวลากลับไปอดีตเหมือนกับนิยาย
............................................................

ความคิดเห็น