คำให้การเด็กหัวตลาด ตอนที่ ๙๗ เมื่อข้าพเจ้าเป็นเด็กหัวตลาด
- drpanthep
- 21 ต.ค. 2566
- ยาว 3 นาที
บทความนี้เป็นบทความที่ข้าพเจ้าเขียนอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก แบบที่อ่านแล้วคาดไม่ถึงว่าคนที่เกลียดการเขียนเรียงความ คนที่ไม่ชอบจดเลคเชอร์จะสามารถเขียนได้ขนาดนี้ จากบทความนี้จึงเป็นต้นเรื่องที่ข้าพเจ้านำไปต่อยอดได้อีกมากมาย จึงขอนำมาเก็บไว้ใน blog นี้ด้วย
..................................................
เมื่อเอ่ยคำว่าหัวตลาดไม่มีชาวปัตตานีคนใดที่ไม่รู้จัก หัวตลาดเป็นย่านชุมชนเก่าแก่ แห่ง หนึ่งของปัตตานี เป็นถิ่นที่อยู่ของชาวจีนมาตั้งแต่สมัยโบราณเดิมเรียกว่า ตลาดจีน หรือ กะดาจีนอ ข้าพเจ้าเป็นผู้หนึ่งที่โชคดีได้เติบโตมาในถิ่นหัวตลาด ตลอดระยะเวลา 30 ปีเศษที่ ข้าพเจ้าได้เห็น หัวตลาด พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปมากตามความเจริญของบ้านเมือง ข้าพเจ้าจึงเกิดความคิดที่จะ บันทึกเรื่องราวของหัวตลาดในสมัยที่ข้าพเจ้า เป็นเด็กในลักษณะของการบอกเล่า ตามความทรงจำ ซึ่งบางตอนอาจคลาดเคลื่อนแต่ก็เพียงเล็กน้อย ทั้งนี้เพื่อที่คนรุ่นหลังที่มีโอกาสได้อ่านบทความของ ข้าพเจ้าจะได้รับรู้เรื่องราวในอดีตของชุมชนหัวตลาด
ก่อนอื่นก็ต้องแนะนำให้ท่านรู้จักกับ “ถนนอาเนาะรู” เสียก่อน เพราะถนนอาเนาะรูเป็น ถนนสายหลักของหัวตลาด และเป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของข้าพเจ้ากับหัวตลาด ถนนสายนี้มี แนวถนนพาดจากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตก มีความยาวประมาณ 400เมตร หัวถนนฝั่ง ตะวันออกไปบรรจบกับถนนนาเกลือ ส่วนหัวถนนฝั่งตะวันตกเป็นแม่น้ำปัตตานี ก่อนถึงริมน้ำเล็กน้อยจะเป็นสี่แยกตัดกับถนนปัตตานีภิรมย์ ในช่วงตอนกลางของถนนอาเนาะรูจะมีถนนปะนาเระมาบรรจบเป็นสามแยก เดิมทีถนนอาเนาะรูเป็นถนนคอนกรีต แต่คอนกรีตที่ว่านี้ไม่ใช่คอนกรีตเสริมเหล็กหรือ คสล.นะครับ แต่เป็นคอนกรีตโบราณคือแทนที่โครงจะเป็นเหล็กกลับใช้วัสดุธรรมชาติคือไม้ไผ่ โดยใช้ไม้ไผ่มาวางสานกันเป็นโครงแล้วราดด้วยปูนขาวทับ ต่อมาภายหลังมีการซ่อมแซมอีกหลายครั้งจนกระทั่งในที่สุดก็กลายเป็นถนนราดยางมะตอยตามที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้ แทบจะไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าถนนสายเล็กๆ สายนี้จะเป็นย่านที่มีความเจริญมาก ในอดีต เต็มไปด้วยเรื่องราวแห่งประวัติศาสตร์ เป็นจุดกำเนิดของตระกูลใหญ่หลายตระกูลซึ่งข้าพเจ้าคงมีโอกาสได้เล่าให้ท่านฟังต่อไปในภายหน้าครับ
เดิมทีครอบครัวข้าพเจ้าอยู่ที่จังหวัดนราธิวาส เพราะพ่อไปช่วยป้าละอองทำธุระกิจที่นั่น ข้าพเจ้าและน้อง ๆ จึงเกิดที่นราธิวาส จนกระทั่งปี พ.ศ.2509 คุณย่าเสริมสุขถึงแก่กรรม พ่อจึงย้ายกลับมาอยู่ที่ปัตตานี ขณะนั้นข้าพเจ้ามีอายุได้ 5 ปี สามารถจดจำเรื่องราวต่าง ๆ ได้พอสมควร ครอบครัวเราอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 29 ถนนอาเนาะรู ซึ่งเป็นบ้านของนายอนันต์ คณานุรักษ์ คุณปู่ของข้าพเจ้า บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ตรงสามแยกถนนอาเนาะรูตัดกับถนนปะนาเระ เป็นตึก2 ชั้นหันหน้าไปทางทิศใต้ทาสีขาว ผู้คนส่วนใหญ่จึงเรียกว่าบ้านตึกขาว แรกเริ่มเดิมทีบ้านหลังนี้เป็นบ้านของคุณพระจีนคณานุรักษ์(ตันจูล้าย) ซึ่งเป็นปู่ของคุณปู่อนันต์ เป็นตึก 2 ชั้นทรงจีนโบราณก่อสร้างในราวปี พ.ศ.2426 พระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ 5 เคยแวะประทับเมื่อครั้งที่เสด็จประพาสตลาดจีนและศาลเจ้าแม่ลิ่มกอเหนี่ยว ภายหลังตกเป็นกรรมสิทธิ์ของคุณทวดยาง ภรรยาคนที่ 2 ของคุณพระจีนฯ ต่อมาคุณทวดกุ้ยกี ธิดาคุณทวดยางได้ขายให้คุณทวดยี่เหนี่ยว ภรรยาคนที่ 3 ของคุณพระจีนฯ คุณปู่อนันต์ได้ซื้อต่อจากคุณทวดยี่เหนี่ยวเมื่อ พ.ศ.2476 ในราคา 2,200 บาท คุณปู่ได้บันทึกไว้ในสมุดบันทึก เมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ.2486 ว่านับเป็นโชคดีของท่านที่ได้บ้าน หลังนี้กลับมาเป็นกรรมสิทธิ์ เพราะเมื่อคุณทวดอิ่มมารดาของคุณปู่กำลังตั้งครรภ์ คุณทวดขุนจำเริญภักดี(ตันบั้นฮก) บิดาของคุณปู่มีธุระต้องรีบเดินทางเข้ากรุงเทพฯ จึงได้นำคุณทวดอิ่มซึ่งจวนจะคลอดไปฝากไว้กับคุณทวดยางที่บ้านหลังนี้ และคุณทวดอิ่มได้คลอดคุณปู่เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ.2439 ที่เรือนเล็กบริเวณหลังบ้านเลขที่ 29 ถนนอาเนาะรูแห่งนี้ คุณปู่อนันต์ได้ทำการซ่อมแซมเปลี่ยนแปลงจากตึกจีนโบราณเป็นตึกทรงทันสมัย บริเวณบ้านแบ่งเป็น 3 ตอน ด้านหน้าคือตัวตึก ตอนกลางเป็นเรือนไม้หลังใหญ่ 2 ชั้น มีทางเดินติดต่อกับตึกหน้าได้ ตอนหลังเป็นห้องครัวและสวน
ตัวตึกด้านหน้าเป็นตึก 2 ชั้น ชั้นล่างทางด้านซ้ายเป็นที่จอดรถ ตรงกลางเป็นห้องรับแขก ด้านขวาเป็น ห้องพักของลุงสุนนท์ ห้องนี้เล่ากันว่ามีอาถรรพ์แรงเพราะเคยเป็นห้องขังทาสในสมัยก่อน เมื่อขึ้นบันไดไปชั้นบนจะเป็นเฉลียง มีแคร่นอนเล่นของคุณย่าและเก้าอี้หวายนอนเล่นของคุณปู่ เข้าประตูไปจะเป็นห้องโถงด้านซ้ายเป็นห้องพักของคุณปู่ ส่วนด้านขวาเป็นห้องพักของครอบครัวข้าพเจ้า ในห้องโถงจะมีโต๊ะหมู่บูชาของคุณปู่ ข้างโต๊ะหมู่บูชาจะมีตู้กระจกใบหนึ่ง ภายในตู้จะเก็บซากกุมารทอง 2 คน คือบุญฤทธิ์และบุญลาภ ซึ่งเป็นลูกที่คุณย่าคลอดก่อนกำหนด นอกจากนี้ยังมีซากของนกลูกแดงซึ่งเป็นนกเขาชวาที่คุณปู่รักมากเคยสร้างชื่อเสียงให้กับคุณปู่ในการแข่งขันนกเขาชวาเสียงครั้งอดีตเคยมีผู้นำรถเบนซ์มาขอแลกกับคุณปู่มาแล้ว
เรือนไม้ด้านหลังชั้นล่างจะเป็นโถงโล่ง ด้านขวากั้นเป็นห้องไว้ 2 ห้อง เอาไว้เป็นห้องเล่นไพ่ตองของบรรดาญาติมิตรของคุณปู่คุณย่า ห้องนี้เป็นแหล่งเงินแหล่งทองของข้าพเจ้า เพราะบรรดาขาไพ่ทั้งหลายซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุนั่งนาน ๆ ก็เกิดอาการปวดเมื่อย ข้าพเจ้าก็จะไปบีบนวดให้ ท่านเหล่านั้นก็จะให้เงินไว้กินขนมครั้งละ 1 บาท เมื่อขึ้นบันไดหลังชั้นบนด้านซ้ายเป็นห้องพักของครอบครัวอาเติมศักดิ์ ด้านขวาเป็นห้องพักของครอบครัวอาละมุล
ระหว่างตัวตึกหน้ากับเรือนไม้ ชั้นล่างจะมีบ่อเลี้ยงปลากัดและห้องน้ำกับบ่อน้ำ ชั้นบนจะเป็นทางเดินติดต่อกันมีห้องน้ำ 1 ห้อง และวางโต๊ะกินข้าวขนาดใหญ่1 ตัว นอกจากนี้ที่โถงด้านล่างจะมีประตูเล็ก ๆ สำหรับเดินออกไปในตรอก ตรอกเล็ก ๆ นี้เป็นที่เลี้ยงปลากัดของคุณปู่และลุงสุนนท์ เป็นเขตหวงห้ามสำหรับเด็ก ๆ เพราะเกรงว่าจะไปทำให้ปลากัดตกใจหรือขวดปลากัดตกแตก ตรอกนี้เดิมเป็นตรอกสำหรับข้าทาสในบ้านเดินเข้าออก ซึ่งทุกบ้านที่เป็นเรือนจีนในหัวตลาดจะต้องมีตรอกแบบนี้ เพราะมีข้อห้ามอย่างหนึ่งว่าเวลาข้าทาสในบ้านตายห้ามนำศพออกทางประตูใหญ่หน้าบ้านต้องนำศพออกทางตรอกนี้เท่านั้น
ด้านหลังเรือนไม้จะมีโรงครัวขนาดย่อมและสวน ในสวนจะมีบ่อปลาเหมือนกับที่ด้านหน้า บ่อหลังบ้านนี้เดิมทีขุดขึ้นมาเพื่อใช้เป็นหลุมหลบภัยเมื่อคราวญี่ปุ่นบุกปัตตานี ที่บริเวณริมกำแพงหลังบ้านมีความสำคัญ เพราะว่าในงานเทศกาลแห่พระศาลเจ้าแม่ลิ่มกอเหนี่ยวทุกปี ผู้หามพระหมอจะต้องมาทำการปักหลัก โดยหลักที่ปักนี้เป็นยันต์ปักเพื่อขจัดเภทภัยทั้งหลาย บ้านหลังนี้เป็นบ้านหลังเดียวที่มีการปักหลักภายในบ้าน ในปัจจุบันนี้ข้าพเจ้าจะทำหน้าที่หามเกี้ยวพระหมอทำพิธีปักหลักในบ้านทุกปี
ภายในบ้านคุณปู่นับว่าเป็นกงสีใหญ่แห่งหนึ่ง คุณปู่จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด เช้าขึ้นมาจะมีอาหารและขนมสารพัดอย่างวางไว้ที่โต๊ะกินข้าว ใครจะกินอะไรก็ได้ เมื่อกินอาหารเช้าเสร็จ ข้าพเจ้าและน้อง ๆ ก็จะไปกราบคุณปู่ซึ่งจะนอนเล่นที่เก้าอี้หวาย คุณปู่ก็จะแจกเงินเป็นค่าขนมที่โรงเรียน ตอนเย็นกลับจากโรงเรียนก็มากราบคุณปู่แล้วรับเงินไปซื้อก๋วยเตี๋ยวกินกันอีก
ตรงข้ามบ้านคุณปู่เป็นบ้านยกพื้นมีใต้ถุนของลุงจิ้นกับป้าโป้เอง ศรีคุณะซ้าย ลุงจิ้นหรือที่ใคร ๆ เรียกว่าครูจิ้นทำงานที่บริษัทธำรงวัฒนาจำกัด ป้าเองเป็นญาติกับคุณปู่ทางทวดเบ้งซ่วน ภรรยาคุณพระจีนฯ ซึ่งเป็นย่าของคุณปู่ ที่บ้านลุงจิ้นจะมีเรือนปลูกต้นกล้วยไม้นานาพันธุ์ ตอนเย็นที่หน้าบ้านลุงจิ้นจะมีพวกรถเข็นขายก๋วยเตี๋ยวและรถเข็นขายขนมเด็กมาจอดรอลูกค้า ซึ่งก็คือพวกหลานทั้งหลายของคุณปู่
ต่อไปนี้ข้าพเจ้าจะขอนำท่านเที่ยวหัวตลาดเมื่อประมาณสามสิบปีที่แล้ว จากบ้านคุณปู่เดินเลียบไปทางฝั่งด้านเหนือของถนนอาเนาะรูไปทางทิศตะวันออก ติดกับบ้านคุณปู่จะเป็นตึกจีนโบราณ 2 ชั้นติดกัน 2 หลัง จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าหลังแรกผู้ที่อาศัยอยู่ขณะนั้นคือป้าจงจิตร ศรีพจนารถหรือป้าถิ้น แม่ของพี่ศรีวิไล ปริชญากร ถัดไปเป็นร้านขายส่งขนมปังขนมจันอับตามตลาดนัด เดิมในอดีตตึก 2 หลังนี้และตึกของคุณปู่จะมีลักษณะเหมือนกันทุกอย่างเป็นเรือนแฝด 3 หลัง ดังที่สมเด็จกรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ทรงกล่าวถึงไว้ในหนังสือชีวิวัฒน์เมื่อครั้งที่พระองค์เสด็จมาตลาดจีน ในปี พ.ศ.2427 ว่าที่ปลายถนนด้านเหนือมีตึกใหม่ของกัปตันจีนเป็นเรือนจีน 2 ชั้น 3 หลังแฝด หลังหนึ่งขื่อประมาณ 10 ศอก มีเฉลียงหน้าหลัง หลังแรกก็คือบ้านคุณปู่ หลังที่ 2 เป็นบ้านเดิมนายจูเซียน หลังที่ 3 เป็นของนายจูเส้ง น้องชายคุณพระจีนฯ ปัจจุบันตึกหลังที่ 3 ถูกรื้อสร้างเป็นห้องแถว เมื่อตอนที่มีการรื้อถอนได้เจอป้ายหินแกรนิตจารึกชื่อสำหรับฮวงซุ้ยฝังศพนายจูเส้ง แต่ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดจึงถูกทิ้งไว้หลังบ้าน ปัจจุบันผู้ที่อาศัยอยู่ในห้องแถวที่สร้างใหม่ได้นำไปวางไว้ที่โคนต้นไม้ และมีการจุดธูปเทียนบูชา ซึ่งข้าพเจ้าเข้าใจว่าคงเป็นการบูชาเพื่อขอโชคลาภ ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่าลูกหลานสายตรงของนายจูเส้งน่าจะได้นำไปไว้บูชา ถ้าข้าพเจ้ามีสิทธิก็จะขอนำไปประดิษฐานไว้ที่บริเวณสุสานของตระกูลที่ได้รับพระราชทานที่ดินจากรัชกาลที่ 6 ที่ริมคลองสามัคคี(คลองสิมิเงาะเดิม) ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน พ.ศ.2454 เพราะปัจจุบันเท่าที่ข้าพเจ้าได้สอบถามยังไม่มีผู้ใดบอกได้แน่ชัดว่าฮวงซุ้ยของนายจูเส้งอยู่ที่แห่งหนตำบลใด แต่ข้าพเจ้าก็ได้แต่ตั้งความหวังไว้เท่านั้น
ถัดจากตึกแฝดนี้ไปก็เป็นตึกจีนเช่นกันแต่จำไม่ได้ว่าใครอาศัยอยู่ปัจจุบันรื้อทิ้งแล้ว ถัดไปอีก จะเป็นห้องแถวไม้ 2 ชั้น ห้องแรกเป็นบ้านลุงปรุง กับป้าฉาย ขจรวงศ์ ลุงปรุงทำงานเป็นพนักงานขับรถธนาคารกรุงศรีอยุธยา น้าณีลูกลุงปรุงมีลูก 3 – 4 คน เป็นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกับข้าพเจ้า 1 คน ถัดจากบ้านลุงปรุงเป็นบ้านแม่คุณครูเบญจมาศ ณ ระนอง คุณครูเบญจมาศสอนที่โรงเรียนบ้านสะบารัง เคยสอนวิชาภาษาอังกฤษข้าพเจ้าตอนชั้นประถมปีที่ 5 ต่อจากนั้นเป็นบ้านยกพื้น 2 ชั้นมีรั้วของน้าจั๊ม ภายในบริเวณบ้านมีหมูขี้พร้าหรือหมูบ้านนอนคลุกโคลนอยู่ ถัดไปเป็นห้องแถวไม้ 2 ชั้น มีบ้านน้าไข่ บ้านลุงไว ลุงไวเป็นสารถีรถสามล้อประจำบ้านคุณปู่ ถัดไปเป็นบ้านพวกนามสกุลวิมลจิตต์ทำงานสรรพากรจำชื่อไม่ได้ ปัจจุบันคือร้านลูกหยีป้านิ่ม ถัดไปเป็นบ้านของคุณยายหงวน คุณยายหงวน เป็นภรรยาคนหนึ่งของหลวงนฤบดินทรสวามิภักดิ์(คอยู่หุ้ย ณ ระนอง) อดีตนายอำเภอหนองจิก มีลูกคือ ร.ต.ต.ปรีดา ณ ระนอง น้าดาเป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่งของพ่อ ภรรยาน้าดาคือครูเบญจมาศ ที่กล่าวถึงมาก่อนแล้ว ถัดไปรู้สึกจะเป็นบ้านแป๊ะซ้าน มีลูกหรือหลานชื่อตุ๋ย เรียนรุ่นก่อนข้าพเจ้าหลายปี จากนั้นก็เป็นศาลเจ้าแม่ลิ่มกอเหนี่ยว ซึ่งในขณะนั้นมีแต่ตัวศาลด้านหลังเป็นป่ามะพร้าว ยังไม่มีอาคารสันติสุขและอาคารที่พักเลย ฝั่งตรงกันข้ามของศาลเจ้าแม่ฯ ก็ยังเป็นลานดินกว้าง ๆ มีแต่โรงมโนราห์เก่า 1 หลัง ไม่มีอัฒจันทร์ ไม่ได้ลาดพื้นคอนกรีต
ถัดจากศาลเจ้าแม่ฯเป็นสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ ด้านข้างสมาคมฯ เป็นอาคารฮักเลี่ยม-ฮ่องเกียว โกวิทยา เป็นศาลาตั้งศพมีห้องเก็บโลงศพซึ่ง พวกเราเด็ก ๆ กลัวมากเวลาเดินผ่าน ติดกับอาคารฮักเลี่ยมฯ เป็นที่ดินของคุณปู่ข้างในมีสถูป หรือที่เราเรียกกันว่า บัว บรรจุกระดูกบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ที่ดินแปลงนี้คุณปู่ซื้อมาจากคุณทวดเป้าเลี่ยง วัฒนายากร แม่ของคุณย่าเสริมสุข ในสมัยสงครามญี่ปุ่นบุกปัตตานี คุณปู่ใช้เป็นที่ปลูกผักสวนครัวนานาชนิดไว้กินและแจกจ่ายชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง จนกระทั่ง พ.ศ.2489 จึงได้สร้างบัว ติดกับบัวเป็นที่ว่างอยู่มุมถนนอาเนาะรูตัดกับถนนนาเกลือต่อมาได้สร้างเป็นบ้านพักประมงจังหวัดเดิมทีที่ตรงนี้เป็นโรงฆ่าสัตว์ จากตรงนี้ถ้าข้ามถนนนาเกลือไปจะเป็นวัดนิกรชนารามหรือวัดหัวตลาด ภายในวัดมีรูปปั้นพระสังข์กัจจายน์องค์ใหญ่ ผู้ปั้นคือ ร.อ.วิเชียร แก่นทับทิม อดีตสามีของป้าประคอง วัฒนายากร พวกเด็ก ๆ อย่างข้าพเจ้าชอบไปแยงสะดือองค์พระเพราะเป็นรูกลวงโบ๋ วัดหัวตลาดนี้เดิมเป็นป่าช้า ศพคุณทวดอิ่มแม่ของคุณปู่ก็ฝังที่นี่ก่อนที่จะมาจัดงานเผาศพในภายหลัง นอกจากนี้วัดหัวตลาดยังเป็นลานประหารในสมัยอดีต คุณย่าเคยเล่าให้พ่อฟังว่าเคยไปดูเขาประหารชีวิตโดยการตัดคอที่วัดหัวตลาด มีคนไปดูคับคั่งบางคนปีนต้นไม้ขึ้นไปดู พอเพชรฆาตลงดาบดังฉับ ก็มีเสียงดังตุ๊บ ปรากฏว่าพวกที่ปีนต้นไม้ดูเกิดอาการหวาดเสียว เป็นลมตกต้นไม้ตาม ๆ กัน วัดหัวตลาดจะเรียกว่าเป็นฌาปนสถานของตระกูลข้าพเจ้าก็ว่าได้เพราะไม่ว่าใครตายก็จะจัดงานเผาศพที่วัดนี้ทั้งนั้น
จากวัดหัวตลาดข้าพเจ้าจะพาท่านเดินข้ามถนนนาเกลือไปยังอีกฟากหนึ่งของถนนอาเนาะรู หัวมุมถนนอาเนาะรูฝั่งทิศใต้เป็นบ้านของจ่าหวาด ที่บ้านนี้เลี้ยงไก่ชนหลายตัว ถัดไปเป็นฝั่งตรงกันข้ามกับสมาคม ถ้าจำไม่ผิดในตอนนั้นเป็นโกดังของบริษัทพิธานพาณิชย์ แล้วก็เป็นลานหน้า ศาลเจ้าแม่ฯ ติดกับลานเป็นบ้านไม้ 2 ชั้นของนายสุนนท์ ทับทิมทอง หรือลุงหล่ำเฮง พนักงานเทศบาล เวลามีพิธีลุยไฟข้าพเจ้าจะไปดูบนชั้นบนบ้านหลังนี้ตอนนั้นไม่มีอัฒจันทร์บังมองเห็นชัดมาก ถัดไปเป็นบ้านน้าเซี๊ยะ น้าฮวย น้าเซี๊ยะขับรถโรงน้ำแข็งวัฒนานิกร น้าฮวยจะขายข้าวยำและขนมหวาน ข้าพเจ้าจำได้ว่าชอบไปซื้อกล้วยเชื่อมกินตอนหัวค่ำ ถัดไปเป็นบ้านนายอนันต์ วรุตตมะ หรือลุงโอ๋น บ้านลุงโอ๋นเป็นฟาร์มเลี้ยงไก่ ลุงโอ๋นใช้รถลิตเติ้ลฮอนด้าส่งไข่ไก่ให้ร้านค้า รถลิตเติ้ลฮอนด้านี้เป็นรถที่ทันสมัยมาก ในตอนนั้นเพราะเป็นรถลูกผสมระหว่างมอเตอร์ไซค์กับจักรยาน มีสวิทช์ปรับเลือกได้ว่าจะใช้เป็นจักรยานหรือจะใช้เป็นมอเตอร์ไซค์ ติดกับบ้านลุงโอ๋นเป็นบ้านไม้2 ชั้น ผู้ที่อาศัยอยู่คือนายเต็งไฮ้ แซ่อุ่ย นายเต็งไฮ้คั่วกาแฟขาย บ้านนี้เดิมเป็นบ้านของขุนด่านจ๊าบ แซ่เล่ ต้นตระกูลเลขะกุล ซึ่งเป็นตระกูลใหญ่อีกตระกูลหนึ่ง ย่าของภรรยาข้าพเจ้า คือย่ายี่เกียว พงษ์พานิช ก็มาจากสกุลเดิมเลขะกุลเช่นกัน ในบ้านจะมีป้ายบูชาและภาพถ่ายบรรพบุรุษของ เลขะกุล หลายคน ถัดไปเป็นบ้านทรงจีนจำไม่ได้ว่าใครอาศัยอยู่ ถัดไปเป็นร้านขายน้ำชาของน้าจั๊ว และเจ๊ลั้งมีลักษณะเป็นแผงลอย ถัดไปเป็นห้องแถวไม้ชั้นเดียวจำได้ว่าห้องมุมตัดกับถนน
ปะนาเระเป็น บ้านลุงพันธ์ พนักงานบริษัทธำรงวัฒนา
เดินข้ามถนนปะนาเระไปเป็นบ้านลุงจิ้นที่เล่าให้ฟังแล้ว หลังบ้านลุงจิ้นมีบ้านไม้ 2 ชั้น เจ้าของเป็นช่างเย็บเสื้อชื่อจี๊ตัน เป็นลูกสาวนายซุ่ยเฉี้ยง นาคพันธุ์ เป็นญาติกับคุณปู่สายเดียวกับป้าเอง จี๊ตันขาพิการเดินกระเผลก ถัดจากบ้านลุงจิ้นเป็นบ้านห้อง แถว 2 ชั้นยกพื้นสูง 3 หลัง หลังแรกเป็นบ้านน้าผอม น้าผอมเป็นลูกจีนที่เข้านอกออกในบ้านคุณปู่ได้ตลอดเวลา น้าผอมขายน้ำแข็งใสรวมมิตร เด็กปัตตานีรู้จักน้าผอมกันทุกคน ถัดไปเป็นบ้านอาเจริญ สุวรรณมงคล กับน้าศรีสุมาลย์ น้าสุเป็นลูกสาวยายวไล หรือยายมล วัฒนายากรลูกพี่ลูกน้องกับคุณปู่ ถัดไปเป็นร้านขายของใช้เบ็ดเตล็ดของคนจีน เจ้าของร้านมีลูกสาวชื่อยุพิน หนุ่ม ๆ ปัตตานีรู้จักกันทั่วเพราะยุพินเป็นนางงามปัตตานี ถัดจากห้องแถวนี้ไปเป็น บ้านไม้ 2 ชั้นของป้าซ่วนหลุย โกวิทยา เดิมบ้านนี้คุณหลวงสำเร็จกิจกรจางวาง (ปุ่ย แซ่ตัน)ต้นตระกูล คณานุรักษ์ซื้อให้ทวดเกี๊ยด ภรรยาคนที่ 4 และหลวงวิชิตศุลกากร(ตันจูอิ้น) บุตรชายคนสุดท้องของท่านเมื่อ พ.ศ.2417 ป้าหลุยเป็นหลานตาของหลวงวิชิตฯ ป้าหลุยมีอาชีพทำขนมขาย ขนมที่ป้าหลุยขายเป็นขนมที่หากินยากในปัจจุบันนี้เช่นผีตายบาก ขนมหน้าหมู ขนมเกาะหลี ถัดจากบ้านป้าหลุยเป็นอาคารไม้ชั้นเดียวมีป้ายชื่อติดไว้ว่าธรรมศาลา 2469 เป็นบ้านเดิมของเถ้าแก่ต้วนเม่ง แซ่เล่า เถ้าแก่ต้วนเม่งเป็นบิดาของนายจ่ายฮก น้องเขยคุณพระจีนฯ ภายในโรงธรรมมีบัวของนายจ่ายฮก ที่ฝาผนังมีภาพวาดนิทาน ชาดก และแผ่นหินอ่อนจารึกเรื่องราวของวงศ์ตระกูลเถ้าแก่ต้วนเม่ง ถัดไปเป็นบ้านไม่มีคนอยู่เดิมเป็นบ้านของนางโป้เอี้ยน แซ่เล่า ลูกสาวนายจ่ายฮกและนางจูกี่ ยายโป้เอี้ยนเป็นแม่ของนางโสภิต วัฒนานิกร โรงน้ำแข็งวัฒนานิกร ติดกันเป็นที่ว่างมีต้นพุทราป่า ที่พวกเด็ก ๆ ชอบไปเก็บกินกัน
นายจ่ายฮกนับเป็นโครงกระดูกในตู้ของตระกูลคณานุรักษ์ เพราะเป็นผู้ที่ทำให้เกิดเรื่องราวทะเลาะถึงขั้นตัดญาติขาดมิตรกัน เนื่องจากภายหลังนายจ่ายฮกไปได้นางลินเลี่ยง ธิดาหลวงสุนทรสิทธิโลหะ (ตันจูเม้ง) เป็นภรรยา นางจูกี่ภรรยาคนแรกของนายจ่ายฮกเป็นน้องสาว ของหลวงสุนทรฯ ดังนั้นนางลินเลี่ยงและนางโป้เอี้ยนจึงมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ภายหลังมีปัญหาทะเลาะกันระหว่างลูกเลี้ยงแม่เลี้ยงเป็นสาเหตุให้ตัดญาติกัน สุดท้ายเป็นบ้านหัวมุมเป็นตึกจีน 2 ชั้น เป็นบ้านเดิมของแม่นายลาบู เจ้าของดั้งเดิมของเหมืองลาบู ในตอนนั้นผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ชื่อลุงวาด หรือที่พวกเราเรียกว่าลุงสวน เพราะแกเป็นคนสวนของอาสมพร วัฒนายากร แกดุมากจะคอยไล่เด็กที่เข้าไปเล่นในสวนเสมอโดยไม่เคยสนใจว่าเป็นลูกหลานใคร
จากบ้านลุงวาดเดินข้ามถนนปัตตานีภิรมย์ ไปฝั่งตรงข้ามบ้านหัวมุมเป็นห้องแถวไม้ของอาศรีสุขสวัสดิ์ วัฒนายากร ลูกชายยายมล ติดกันทางซ้ายเป็นบ้านคุณตาดิเรก และคุณยายดวงเดือน คณานุรักษ์ เป็นบ้านทรงจีนชั้นครึ่ง ข้าพเจ้าชอบไปบ้านนี้มากเพราะคุณยายดวงเดือนซึ่งเป็นน้องคุณย่าเสริมสุขใจดีมากจะมีขนมนมเนยไว้เลี้ยงลูกหลานตลอดเวลา บ้านนี้เดิมเป็นบ้านของคุณทวดขุนพิทักษ์รายา(ตันบั่นซิ่ว) ลูกชายคนสุดท้องของ คุณพระจีนฯ คุณตาดิเรกเป็นลูกชายคุณทวดขุนพิทักษ์ฯ ถัดไปเป็นตึก 2 ชั้นอันทันสมัยของลุงมานพและอามวล ลุงนพเป็นพี่ชายคนโตของพ่อ เดิมบ้านนี้เป็นบ้านคุณทวดขุนจำเริญภักดี(ตันบั่นฮก) ลูกชายคนโตคุณพระจีนฯ พ่อของคุณปู่ ต่อมาตกทอดมาถึงลุงวิทยาหรือลุงเต็กลูกชายคนสุดท้องของคุณทวดขุนจำเริญฯ ลุงนพได้ซื้อต่อและรื้อบ้านเก่าที่เป็นทรงจีนสร้างใหม่เป็นตึกทันสมัย ฝั่งตรงกันข้ามเยื้องกับบ้านลุงนพ เป็นบ้านเดิมของนายบุญเสี้ยน วัฒนานิกร ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับคุณพระจีนฯ และนางยี่จ้อง แซ่ลั้วพี่สาวของนายบุญเสี้ยนก็เป็นภรรยาของนายตันจูเซียน น้องชายคุณพระจีนฯ ในตอนนั้นผู้ที่อาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้คือยายเซ่งห้วย เป็นภรรยาของหลวงสกลการธานี(ซุ้ยจ้าย วัฒนานิกร) บุตรชายของนายบุญเสี้ยน คุณยายเซ่งห้วยเป็นมารดาของคุณมาโนช วัฒนานิกร หรือเถ้าแก่ซิ่ว ข้าพเจ้าจำท่านได้ดีเพราะท่านมักจะออกมานั่งหน้าบ้านทุกวัน เมื่อท่านถึงแก่กรรมข้าพเจ้ายังไปช่วยงานศพท่าน
อีกด้านของบ้านอาศรีสุข เป็นปลายถนนอาเนาะรูลงไปท่าน้ำแม่น้ำปัตตานี จะมีชาวบ้านพายเรือรับจ้างมาคอยรับคนข้ามฟากไปฝั่งตรงข้ามคือโรงเรียนบ้านสะบารัง ท่าน้ำนี้ในอดีตรัชกาลที่ 5 เคยเสด็จขึ้นจากเรือพระที่นั่งเพื่อประพาสตลาดจีน อีกฟากของปลายถนนนี้เป็นโรงน้ำแข็งวัฒนานิกรของคุณมาโนช วัฒนานิกร หรือเถ้าแก่ซิ่ว ที่นี่เป็นเขตหวงห้ามของญาติพี่น้องข้าพเจ้า บางคนเพราะผู้ใหญ่โกรธกัน ทั้ง ๆ ที่ภรรยาเถ้าแก่ซิ่วคือนางโสภิตเป็นญาติสายนางจูกี่ ดังที่ข้าพเจ้าได้เล่าไว้ก่อนหน้านี้แล้ว แต่ข้าพเจ้าสามารถเข้าออกโรงน้ำแข็งได้เพราะหลานชายคนโตของเถ้าแก่ซิ่วคือโจ้ หรือพีระพล เสรีกุล เป็นเพื่อนสนิทของข้าพเจ้า เรียนด้วยกันกินด้วยกันอยู่ด้วยกันจนจบจากมหาวิทยาลัย จนข้าพเจ้าพลอยเรียกเถ้าแก่ซิ่ว และคุณนายโสภิตว่าคุณตาคุณยายไปด้วย ในตอนนั้นโรงน้ำแข็งจะเดินเครื่องตลอดเวลาถ้าวันใดเครื่องเสียแถวละแวกนั้นจะเงียบผิดปกติ
จากโรงน้ำแข็งเดินข้ามถนนปัตตานีภิรมย์ ไปยังถนนอาเนาะรูฝั่งทิศเหนืออีกครั้ง ตรงหัวมุมจะเป็นบ้านตึกทรงจีนดัดแปลง 2 ชั้นของคุณยายซุ่ยสิ้ม ปริชญากร พี่สาวคนโตของคุณตาดิเรก ติดกันเป็นตึกจีนดัดแปลง 2 ชั้นเช่นกันของคุณยายลิ่วซิ้ม วงศ์วารี บ้านหลังนี้เป็นที่ประดิษฐานของพระกุนไท้กุนซึ่งเป็นพระประจำตัวของคุณพระจีนฯ ชั้นบนของบ้านจะมีนกนางแอ่นมาทำรังเต็มไปหมด เวลาตอนเย็นจะมีนกบินว่อนอยู่หน้าบ้านก่อนเข้ารัง คุณยายลิ่วซิ้มเป็นหลานยายของนางเม่งจู โกวิทยาพี่สาวคนโตของคุณพระจีนฯ เดิมบ้าน2 หลังนี้เป็นบ้านของ นางเม่งจู เล่ากันว่าในสมัยทวดเม่งจูยังมีชีวิตหลังบ้านจะเป็นสวนดอกไม้นานาพันธุ์ บ้านคุณยายลิ่วซิ้มมีชื่อเรียกว่าบ้านรังนกหรือบ้านครูราญ เพราะน้าสำราญ วงศ์วารีลูกชายคุณยายเคยเป็นครูมาก่อน ถัดจากบ้านรังนกเป็นบ้านจีนชั้นเดียวผู้ที่อาศัยอยู่คือน้าเหลี่ยน พนักงานบริษัทพิธานพาณิชย์ ติดกันเป็นบ้านจีนชั้นเดียวเช่นกันของนายนิคม ดาราพันธุ์ หรือแป๊ะแฉ้ แป๊ะแฉ้เป็นญาติทางภรรยาคุณพระจีนฯเช่นกัน ปกติแป๊ะแฉ้จะถีบจักรยานตระเวนขายล๊อตเตอรี่ เวลาใครมีงานพิธีสงฆ์ แป๊ะแฉ้ก็จะไปช่วยนำอาราธนาพระ นอกจากนี้ยังมีวิชารักษาต้อเนื้อโดยวิธีตัดต้อซึ่งเป็นวิชา ไสยศาสตร์ ลูกสาวแป๊ะแฉ้คนหนึ่งชื่อจี๊สั้นพิการมีแขนลีบสั้น 1 ข้าง แต่มีความสามารถในการปักผ้ามาก คนส่วนใหญ่นิยมจ้างให้ปักเสื้อนักเรียน ถัดจากบ้านแป๊ะแฉ้เป็นบ้านไม้ 2ชั้น ของ ลุงหยัดกับป้าเหลี่ยน ลุงหยัดเป็นช่างซ่อมรถยนตร์ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง ถัดไปเป็นห้องแถวไม้ของน้าก๊วน น้ากาว มุ่งแสง ทั้ง 2 คนเป็นโชเฟอร์ขับรถรับจ้าง
ถัดไปเป็นบ้านอาสมพรและอาสุวรรณา วัฒนายากร เป็นบ้านที่มีบริเวณกว้างมาก ด้านข้างและด้านหลังเป็นสวน ในสวนหลังบ้านมีตึกจีน 2 ชั้น1 หลัง เป็นบ้านของหลวงสุนทรสิทธิโลหะ(ตันจูเม้ง) พี่ชายคุณพระจีนฯ เรียกกันว่าบ้านบน ภายหลังเป็นบ้านของคุณทวดเป้าเลี่ยงลูกสาวหลวงสุนทรฯ ซึ่งเป็นแม่ของคุณย่า พ่อของข้าพเจ้าก็เติบโตที่บ้านนี้ ในตอนนั้นอาพรให้ป้าเฮื้องซึ่งเป็นคนเก่าแก่อาศัยอยู่ บ้านหลังนี้มีสิ่งที่ข้าพเจ้าแปลกใจมากเพราะบนหลังคามีตุ๊กตาปูนปั้นเป็นรูปคนขี่สิงห์ ซึ่งว่ากันว่าเอาไว้สำหรับแก้อาถรรพ์ ในสวนจะมีต้นละมุดหรือที่เราเรียกว่าลูกสวาที่มีรสชาดหวานมาก นอกจากนี้ยังมีผลไม้ประหลาดชนิดหนึ่งผลมีลักษณะคล้ายอวัยวะเพศของสุนัขตัวเมีย เรียกว่า ลูกหีหมา ลูกจะออกเต็มโคนต้น เวลาสุกจะมีรสหวานอมเปรี้ยว กลิ่นหอม ลูกหีหมา มีชื่อเรียกเป็นทางการว่าลูกอัมพวา ลูกชายคนหนึ่งของอาพรและอาวรรณคือพี่ป้อง เป็นเพื่อนเล่นกับข้าพเจ้าตั้งแต่เล็กจนโต จนปัจจุบันนก็ยังเป็นคู่หูกัน หลายครั้งหลายคราที่เราสองคนประกอบวีรกรรรมที่ไม่เป็นที่สบอารมณ์ของผู้ใหญ่ทั้ง ๆ ที่เราคิดว่าเราทำเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของวงศ์ตระกูล
ต่อไปเป็นบ้านหลังสุดท้ายอยู่ระหว่างสวนอาพร กับบ้านคุณปู่ เป็นบ้านทรงจีนชั้นเดียวเรียกว่าบ้านกงสี เป็นบ้านเดิมของหลวงสำเร็จกิจกรจางวาง(ปุ่ย แซ่ตัน) ต้นตระกูลคณานุรักษ์ เมื่อเข้าบ้านห้องโถงกลางจะมีแท่นบูชาบรรพบุรุษ โดยมีป้ายชื่อบรรพบุรุษเก็บไว้ในตู้ไม้แกะสลักแบบจีนที่สวยงามมากเรียกว่าถ้ำ ห้องด้านซ้ายเป็นที่พักของทวดกุ้ยกี ท่านเป็นลูกสาวของคุณพระจีนฯ ข้าพเจ้าเรียกท่านว่าย่ากีตามพ่อ ท่านบวชเป็นแม่ชี ท่านเลี้ยงชะนีไว้ 1 ตัวชื่อแง๊ว ดุมาก ย่ากีรักข้าพเจ้ามากถ้าข้าพเจ้าไปหาท่าน ๆ จะเอากล้วยน้ำว้าที่ซื้อไว้เลี้ยงไอ้แง๊วให้ข้าพเจ้ากินเสมอ ย่ากีมีชีวประวัติที่น่าสนใจมากท่านเคยเป็นภรรยาพระยาประวัติสุจริตวงศ์(คอยู่ตี่ ณ ระนอง) เจ้าเมืองชุมพร ท่านหย่ากับสามีกลับมาอยู่ที่ปัตตานีเพราะสุนัขที่ท่านเลี้ยงไปกัดสามีแล้วสามีท่านยิงสุนัขตายท่านจึงโกรธมาก ย่ากีมีลูกชาย 1 คนชื่อ ตอม ไปเรียนวิชากฏหมายจากอังกฤษกลับมาได้ไม่นานก็ตายลือกันว่าถูกวางยาพิษ ห้องด้านขวาของบ้านกงสีเป็นที่พักของครอบครัวลุงจำรูญ พี่ชายของพ่อเช่นกัน หลังบ้านกงสีเป็นสวน ในสวนมีจอมปลวกขนาดใหญ่
เป็นอันว่าข้าพเจ้าได้นำท่านย้อนยุคไปเยือนหัวตลาดเมื่อ 30 ปีที่แล้วเรียบร้อยแล้ว ท่านคง จะมองเห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปมากเมื่อเทียบกับสภาพปัจจุบัน บ้านเรือนหลายหลังถูกรื้อหรือ ซ่อมแซม ดัดแปลงจนกลายสภาพไปแล้ว บุคคลหลายท่านก็ล้มหายตายจากไปแล้ว บางคนก็ย้าย ถิ่นฐานออกไปจากหัวตลาด แม้แต่ข้าพเจ้าเองปัจจุบันก็ไม่ได้อยู่ที่หัวตลาดแล้ว ……….หัวตลาดจึงเป็นเพียงความทรงจำของข้าพเจ้าเท่านั้น………
น.พ.ปานเทพ คณานุรักษ์
เรียบเรียงใหม่ วันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2542
Commentaires