๑๐.ลิเกหลงโรง
- drpanthep
- 19 เม.ย. 2565
- ยาว 1 นาที
ในบรรดาหมอแผนกต่าง ๆ เห็นจะมีหมอดมยาหรือวิสัญญีแพทย์ที่ชีวิตแต่ละวันแทบจะไม่เห็นเดือนเห็นตะวันเหมือนคนอื่นเขา เพราะเช้าขึ้นมาก็ต้องเข้าห้องผ่าตัด ออกมาตอนเย็นก็ต้องไปดูคนไข้ที่เตรียมดมยาสลบหรือฉีดยาชาเข้าไขสันหลัง แล้วยังต้องไปดูคนไข้หนักหลังผ่าตัดในห้องไอซียู
การดมยาสลบคนไข้เป็นงานเครียดมาก เพราะในระหว่างที่หมอผ่าตัดทำการผ่าตัดอย่างเมามัน คือก้มหน้าก้มตาดูแต่พื้นที่ที่กำลังผ่าตัด หมอดมยาต้องคอยดูแลคนไข้ให้หมดความรู้สึกในระดับที่พอดี ต้องควบคุมสัญญาณชีพให้เป็นปกติ มีสารพัดยาอยู่ในมือพร้อมจะฉีดให้คนไข้ตลอดเวลา งานค่อนข้างจุกจิก หมอดมยาหลาย ๆ คนจึงจู้จี้จุกจิกตามไปด้วย
หมอดมยาส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง แต่เราก็มีครูแพทย์ที่เป็นหมอดมยาผู้ชายเหมือนกัน คนที่ผมจะเล่าต่อไปนี้เป็นครูแพทย์อาวุโสพอสมควร เป็นเด็กต่างจังหวัดเกือบใต้สุดของประเทศไทยที่ไปจบแพทยศาสตร์บัณฑิตจากศิริราช แล้วไปเรียนต่อด้านวิสัญญีวิทยาจากโรงเรียนแพทย์ที่เก่าแก่เป็นอันดับ ๓ ของประเทศไทย จบแล้วกลับมาเป็นครูแพทย์ประจำภาควิชาวิสัญญีวิทยาที่ ม.อ.
ครูแพทย์คนนี้ถ้าดูบุคลิกจะเหมือนเป็นคนเฉื่อย ๆ เพราะพูดจาเสียงไม่ดัง พูดช้า ทำอะไรก็ดูเชื่องช้า แต่เอาเข้าจริงเวลาที่ดมยาสลบคนไข้จะคล่องแคล่วว่องไวมาก หากมีปัญหาอะไรก็มักจะแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว ประกอบกับเป็นหมอดมยาผู้ชาย จึงเป็นที่นิยมของบรรดาครูแพทย์ทั้งหลายที่มีคนไข้ผ่าตัดนอกเวลาราชการที่โรงพยาบาลเอกชน
ฝีปากของครูแพทย์ท่านนี้ก็ไม่เบาทีเดียว ชอบเหน็บแนมนักเรียนแพทย์เหมือนกัน วันหนึ่งมีนักเรียนแพทย์ชายที่กำลังผ่านแผนกวิสัญญี กำลังยืนบีบถุงลมช่วยหายใจคนไข้ที่กำลังดมยาสลบอยู่ ครูแพทย์ท่านนี้ยืนอยู่ใกล้ ๆ แล้วนึกหมั่นไส้อะไรขึ้นมาก็ไม่ทราบ ท่านก็เปรยขึ้นมาดังๆว่า...อืม! สร้อยคอก็ทอง แหวนก็ทอง นาฬิกาก็ทอง สงสัยดมยาเสร็จแล้วจะออกไปเล่นลิเก...นักเรียนแพทย์คนนั้นแกใส่เครื่องประดับทองคำทั้งตัวจริง ๆ เพราะแกเป็นลูกหลานเศรษฐีบางมูลนาก พ่อคนนั้นโดนครูแพทย์แซวก็โกรธ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่กระฟัดกระเฟียดออกอาการไป
พอเรียนจบแพทย์พ่อคนนี้ก็รับทุนไปเรียนต่อด้านวิสัญญีวิทยากลับมาเป็นครูแพทย์ดมยาเหมือนกัน ก็ไม่รู้ที่พี่แกตัดสินใจไปเรียนด้านนี้ เพราะอารมณ์แค้นจากวันที่โดนแซวหรือเปล่า

ความคิดเห็น