๒๓.ดูดาวหาง
- drpanthep
- 21 เม.ย. 2565
- ยาว 1 นาที
คิดว่าเราคงจะรู้จักดาวหางฮัลเลย์กันนะครับ ดาวหางฮัลเลย์นี่จะมาปรากฏให้เห็นทุก ๗๕-๗๖ ปี ก่อนหน้านี้ดาวหางฮัลเลย์มาปรากฏให้เห็นในปี พ.ศ.๒๔๕๓ ร่ำลือกันว่าเป็นเหตุให้บุคคลสำคัญของโลกต้องจากไป หนึ่งในนั้นก็มีล้นเกล้าฯรัชกาลที่ ๕ ของคนไทยด้วย
ดาวหางฮัลเลย์เวียนครบรอบกลับมาให้เห็นอีกครั้งหนึ่งเมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๙ เป็นที่ฮือฮามาก ทั้งนักดาราศาสตร์และคนทั่งไปเฝ้าติดตามรอให้เห็นกับตา ก๊วนครูแพทย์กับแพทย์ใช้ทุนหนุ่มโสดของพวกเราก็พลอยแตกตื่นไปกับเขาด้วย
คืนวันหนึ่งหลังจากอิ่มหมีพีมัน นั่งสรวลเสเฮฮากันตามประสาจนดึกราว ๆ ๕ ทุ่ม ไม่รู้ใครเอ่ยปากขึ้นมาว่าเราไปดูดาวหางฮัลเลย์กันบนยอดเขาคอหงส์ที่สถานีส่งสัญญาณโทรทัศน์กันดีกว่า ก็เฮโลกันไปสะดวกที่สุดก็ต้องไปด้วยเจ้า Datsan 120Y นี่แหละ คราวนี้ผู้เป็นเจ้าของรถแกก็พูดเสียงอ้อแอ้ด้วยฤทธิ์น้ำอมฤตว่า...กูเมาแล้ว ขับไม่ไหว...
พวกเราก็เลยโยนหน้าที่ พขร.ให้เฮียอังคุดครูแพทย์ผู้สอบบอร์ดจักษุได้ที่ ๑ ของประเทศไทย ผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยทำหน้าที่ขับรกคันเก่งนี้จากสถานีรถไฟหาดใหญ่กลับเข้าแฟลต ม.อ. เพราะเจ้าของเกิดอาการผิดครูขับไม่ได้
การขับรถขึ้นเขาคอหงส์เมื่อ ๓๐ ปีที่แล้วไม่หมูเหมือนสมัยนี้ เพราะเป็นทางขึ้นเขาแคบ ๆ ชัน เป็นถนนดินลูกรังไม่ราดยาง ต้องใช้รถที่มีกำลังแรง และทักษะในการขับพอสมควร แต่คืนนั้นด้วยความคึกคะนองพวกเราไม่สนใจว่ามันยากลำบาก ช่วงที่เราขึ้นไปเรียกว่าแทบจะต้องใช้เกียร์ ๑ ไปตลอดทาง บางช่วงรถก็กระตุกทำท่าจะดับเอาดื้อ ๆ หรือบางช่วงต้องเร่งเครื่องสุด ๆ ให้มันมีแรงพาเราขึ้นไป
พลพรรคที่ไปคืนนั้นนอกจากครูแพทย์แผนกจักษุที่ต้องรับหน้าที่ พขร. ครูแพทย์ศัลยกรรมกระดูกเจ้าของรถที่หวงรถดังไข่ในหินเพราะเป็นรถแฟน ก็มีครูแพทย์จากแผนกสูติ-นรีเวช และแพทย์ใช้ทุนศัลยศาสตร์ตัวแสบ
ช่วงที่รถต้องออกแรงฉุดลากตัวเองขึ้นทางลูกรังที่มีความชัน เจ้าของรถก็เอ่ยขึ้นมาว่า...ถ้าเครื่องดับ พวกมึงรีบวิ่งลงไปหาท่อนไม้ใหญ่ ๆ หรือก้อนหินใหญ่ ๆ มาวางอัดด้านหลังล้อ รถจะได้ไม่ไหลลงเขานะเว้ย...พวกเราก็บอกว่าไม่ต้องห่วง
มีจังหวะหนึ่งที่รถทำท่าจะไม่ไหว เครื่องยนต์กระตุก พขร.แกก็เอ่ยมาว่า...ไอ้เต่า ถ้าเครื่องดับแล้วพวกกูทั้งหมดกระโดดลงจากรถทิ้งมึงไว้ มึงจะทำยังไง... ก็มีเสียงตอบอ่อย ๆ อ้อแอ้มาว่า...กูก็จะไปนั่งเหยียบเบรกไม่ให้รถถอยหลังลงเขา แล้วก็ร้องไห้จนกว่าพวกมึงจะตามคนมาช่วย...เลยมีเสียงเฮลั่นรถ
คืนนั้นไม่เสียเที่ยว เพราะเมื่อขึ้นไปถึงยอดเขาคอหงส์แบบอกสั่นขวัญแขวน เราไปเจอกลุ่มคนเอากล้องส่องดูดาวมาดูดาวหางฮัลเลย์ เราเลยได้พลอยดูไปกับเขาด้วย
คราวนี้ขาลงมันก็ไม่ต่างจากขาขึ้น เพราะทางชัน พขร.ต้องใช้เกียร์ต่ำเลี้ยงครัทช์ สมัยนั้นเรายังไม่นิยมใช้เกียร์ออโตเมติกนะครับ เวลาลงเขาจึงต้องใช้เกียร์ต่ำเลี้ยงคลัทช์ สลับกับแตะเบรคเบา ๆ ไปเรื่อย ๆ เมื่อยขาน่าดูเลย ลงไปเขามาได้สักครึ่งทางก็มีคนเอ่ยปากมาอีกแล้วว่า...กูว่ากูได้กลิ่นเหม็นไหม้นะ สงสัยรถมึงคลัทช์ไหม้แล้ว... เจ้าของรถก็พูดเสียงอ้อแอ้ขึ้นมาทันทีว่า...พวกมึงอย่าทิ้งกูนะเว้ย...
ในที่สุดพวกเราก็กลับลงมาถึงที่พักกันโดยสวัสดิภาพตอนตี ๑ เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ของความคึกคะนองของพวกเราที่มิอาจลืมเลือนจริง ๆ คนที่น่าจะจำได้ดีเพราะลุ้นระทึกตลอดเวลาคือเจ้าของรถกับ พขร. ฮิ ๆๆ
ความคิดเห็น