๒๘.อนาคต
- drpanthep
- 21 เม.ย. 2565
- ยาว 1 นาที
พอผมเขียนดราม่าเรื่องครูแพทย์ คนที่รู้จักผมหลายคนตั้งหน้าตั้งตารอแล้วว่าผมจะเขียนถึงครูแพทย์คนหนึ่งอย่างไร เพราะครูแพทย์คนนี้เป็นคู่ซี้ผีกับโลงของผมเลย แกเป็นสูติ-นรีแพทย์ เรียนหมอ ม.อ.รุ่นพี่ผม แกเป็นคนผ่าตัดทำคลอดลูกคนแรกให้เมียผม บ้านผมเลยเรียกแกว่า...ลุงหนุ่ย
ลุงหนุ่ยแกซี้กับผมมากขนาดไหน เอาเป็นว่าเรากินมื้อเที่ยงด้วยกันทุกวันเป็นเวลาร่วม ๆ ๑๐ ปี มองตากันก็รู้แล้วว่าอีกคนจะพูดอะไร ลุงหนุ่ยนี่ได้ชื่อว่าครูแพทย์ปากจัดระดับปากปีจอคนหนึ่งเลย แต่แกมีข้อดีคือเป็นคนยึดมั่นใจจริยธรรม จรรยาบรรณ แกจึงเป็นครูแพทย์อันดับต้น ๆ ที่บุคลากรคณะแพทย์ ตลอดจนคณะอื่น ๆ มาฝากท้องให้แกทำคลอด เพราะแกไม่เคยเรียกร้องอามิสสินจ้างตอบแทน แต่ทุกคนต้องทำใจนะว่าไม่สามารถเรียกร้องว่าอยากผ่าวันนั้นเวลานี้ อยากคลอดแบบโน้นแบบนี้ เพราะแกจะทำตามหลักวิชาการบวกความสะดวกของแก ที่ห้องพักแกจึงเต็มไปด้วยกล่องของขวัญที่ไม่ได้แกะ เพราะหลังคลอดคนไข้ก็มักจะเอากล่องมาให้แก เนื่องจากแกไม่รับเงินคนใน ได้มาแกก็ไม่เคยแกะดูว่าข้างในเป็นอะไร โยน ๆ ใส่ตู้ไว้
ก็มีแต่ผมนี่แหละที่บอกว่าไม่มีเสื้อใส่ ก็ไปแกะกล่องเลือกเอาเสื้อมีสกุลมาใส่แทนแก บางครั้งก็เป็นเข็มขัดยี่ห้อดีสวยหรู
ชีวิตช่วงเป็นครูแพทย์ของเรามีอะไรบังเอิญเหมือนกันหลายอย่าง ออกตรวจโอพีดีวันจันทร์เหมือนกัน ห้องตรวจหันหลังชนกัน วันอังคารเป็นวันสอนนักเรียนแพทย์เตรียมคนไข้เพื่อการผ่าตัดเหมือนกัน วันพุธเป็นวันเข้าห้องผ่าตัดเหมือนกัน เวลาเข้าห้องผ่าตัดถ้าผมเสร็จเร็วบางครั้งก็ไปช่วยลุงหนุ่ยทำผ่าตัดคนไข้แก จะได้เสร็จเร็ว ๆ ออกไปหาอะไรกินกัน
สิ่งที่เราเห็นพ้องต้องกันเกี่ยวกับชีวิตการเป็นครูแพทย์ คือเราถูกจ้างมาสอนหนังสือและรักษาคนไข้ เราก็ทำงานตามหน้าที่ให้ดีไป ไม่ต้องสนใจว่าคนไข้จะตอบแทนเราอย่างไร ไม่ต้องสนใจว่านักเรียนแพทย์จะสนใจทักทายเราหรือไม่ เพราะนักเรียนแพทย์ก็ถูกจ้างให้มาเรียน
เราวาดฝันอนาคตไว้เหมือนกันคือชีวิตนี้ขอแค่มีเงินพอเลี้ยงครอบครัว มีบ้าน ๑ หลัง มีรถเมอร์ซิเดสเบนซ์ขับ ๑ คันก็พอแล้ว ไม่ต้องเหมือนคนอื่นเขา เรียกว่าเรารู้จักพอเพียงมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
ผ่านชีวิตช่วงนั้นมา ๒๐ กว่าปี เมื่อเร็ว ๆ นี้เรานั่งคุยกัน อ้อ! ลุงหนุ่ยเป็นคนเดียวในก๊วนครูแพทย์ของเราที่ยังเจอหน้าค่าตากัน เพราะแกทำงานในละแวกใกล้บ้านผม ลูกเมียผมมีปัญหาทางสูติ-นรีเวช ผมยังไปใช้บริการลุงหนุ่ยอยู่
เราคุยกันว่าตอนนี้เรามีเงินเดือนพอเลี้ยงครอบครัวแล้ว เรามีบ้านแล้ว ๑ หลัง แต่เรายังไม่มีปัญญาซื้อเมอร์ซิเดสเบนซ์ขับเลย ด้วยเงินเดือนของเราไม่มีปัญญาวางเงินดาวน์เป็นล้านบาทแล้วผ่อนส่งเดือนละ ๓-๔ หมื่นบาท ครั้นจะไปซื้อรถมือสองมือสามคนจนอย่างเราก็กลัวว่าเจอรถย้อมแมวขับ ๗ วัน ซ่อม ๗ วันเราก็คงแย่ อนาคตเราคงจบลงที่รถอีโค้คาร์นี่แหละ ลุงหนุ่ยแกยังดีใช้โตโยต้าวีออส ๑,๕๐๐ ซีซี ส่วนผมโน่นเลยโตโยต้ายาริส ๑,๒๐๐ ซีซี ชนิดที่วันก่อนผมขับพาแกเข้าไปกลางกรุง แกก็บ่นไปตลอดว่ารถมึงนี่อืดจังเสีย
สุดท้ายเราก็ได้แต่ปลอบใจกันว่าชีวิตนี้ได้แค่นี้ก็ดีถมเถแล้ว รู้จักพอเพียง ไม่ใช้วิชาชีพแสวงหาผลประโยชน์จากความเจ็บไข้ได้ป่วยของคนไข้ บนความทุกข์ญาติของครอบครัวคนไข้มากเกินควร ก็เป็นความสุขเล็ก ๆ ของอดีตครูแพทย์ ๒ คน

ความคิดเห็น