๕.เจ้าพ่อเอกซเรย์
- drpanthep
- 19 เม.ย. 2565
- ยาว 1 นาที
ครูแพทย์อาวุโสที่ ม.อ.ในยุคก่อตั้งอีกท่านที่เป็นรุ่นหลังลุงอ๊าทของผมสัก ๒-๓ รุ่น คือ...ครูจงดี...ท่านเป็นผู้บุกเบิกก่อตั้งภาควิชารังสีวิทยา เริ่มให้มีการทำรังสีรักษาหรือฉายแสงรักษาโรคมะเร็งเป็นครั้งแรกในภาคใต้ ครูจงดีเหมือนลุงอ๊าทคือใช้รถโฟล์คเต่าเหมือนกัน แต่เป็นสีควันบุหรี่ สิ่งที่ครูจงดีต่างจากลุงอ๊าทโดยสิ้นเชิงคือ ครูจงดีเป็นคนดุมาก อย่าว่าแต่พวกเราซึ่งเป็นนักเรียนแพทย์เลยแม้แต่อาจารย์และเจ้าหน้าที่ในภาควิชารังสีวิทยายังกลัวครูจงดีจนหัวหด
ปกติครูจงดีจะคุมห้องรังสีรักษา จะสอนนักเรียนแพทย์เกี่ยวกับรังสีรักษาเป็นหลัก แต่มีอยู่วันหนึ่งที่ผมจำได้ไม่ลืมเลยแม้เหตุการณ์จะผ่านไปเกือบ ๔๐ ปีแล้ว วันนั้นไม่ทราบครูจงดีนึกสนุกอะไรขึ้นมาเดินถือฟิล์มเอกซเรย์มาปึกหนึ่ง แล้วเรียกพวกเรานักเรียนแพทย์กองรังสีเข้าไปในห้องอ่านฟิล์ม ท่านหยิบฟิล์มขึ้นมา ๑ แผ่นเสียบเข้าที่ตู้อ่านฟิล์ม แล้วเรียกผมให้ไปอ่านบรรยายสิ่งที่เห็น ฟิล์มนั้นไม่ได้ถ่ายอวัยวะคนเหมือนที่เราเจอกันตามปกติ แต่เป็นฟิล์มเอกซเรย์ที่ถ่ายดอกกุหลาบที่มีก้านมีใบมีหนาม และมีหยดน้ำหยดอยู่ข้างๆ ผมก็อ่านแบบมั่นใจเลยว่า...จากฟิล์มนี้สิ่งที่เห็นคือดอกกุหลาบกับหยดน้ำ...
เท่านั้นแหละระเบิดลงในห้องอ่านฟิล์มเลย เสียงครูจงดีดังลั่นห้อง.....ใครสอนให้หมออ่านฟิล์มเอกซเรย์แบบนี้....แล้วก็นั่งบ่นด่าอยู่สักพักว่านักเรียนแพทย์เดี๋ยวนี้ไม่ใฝ่รู้ ไม่รู้จักอ่านตำราพวกเราก็ได้แต่นั่งหัวหดก้มหน้า จากนั้นก็สอนในสิ่งที่ผมไม่เคยลืมเลยว่า.....ภาพที่เห็นจากฟิล์มเอกซเรย์มันเป็นเงา หมอต้องบรรยายเงานั้นให้คนฟังเห็นภาพให้ได้ว่ามันเป็นอย่างไร ก่อนอื่นต้องบอกว่า exposure คือแสงมันมากหรือน้อย จากนั้นบรรยายมาให้หมดว่ามันมีอะไรที่ทึบแสงมาก ทึบแสงปานกลาง หรือไม่ทึบแสง และมันมีรูปร่างลักษณะอย่างไร ก่อนจะบอกว่าจากลักษณะเงาทั้งหมดที่เห็นทำให้คิดถึงอะไร....
แต่ถึงครูจงดีจะดุแค่ไหน ครูจงดีก็มีสิ่งมาถ่วงดุลความดุนั่นคือ ครูวิมล ซึ่งเป็นภรรยาท่าน ครูวิมลเป็นครูแพทย์แผนกเอกซเรย์เช่นกันท่านเชี่ยวชาญเรื่องเวชศาสตร์นิวเคลียร์หรือการรักษาโรคที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อว่าการกินน้ำแร่ ครูวิมลเป็นครูแพทย์ที่ใจดีสุด ๆ เวลาพูดจะยิ้มจะหัวเราะตลอดเวลาไม่เคยด่านักเรียนแพทย์เลย แต่ครูวิมลเองก็กลัวครูจงดีเหมือนกัน เพราะครูวิมลก็เป็นลูกศิษย์ครูจงดีมาก่อน
เมื่อครั้งที่ผมรับผิดชอบงานพัฒนาระบบบริการตติยภูมิขั้นสูงหรือ Excellent center ผมได้เชิญครูวิมลมาเป็นคณะทำงานพัฒนาระบบบริการโรคมะเร็งในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เลยได้คุยกันบ่อย พอถามถึงครูจงดี ครูวิมลบอกว่า....ตอนนี้เป็นแพทย์ประจำบ้านอยู่ที่เชียงใหม่....ผมก็ทำหน้างง ๆ ครูวิมลหัวเราะตามสไตล์แล้วบอกว่า....เป็นแพทย์ประจำบ้านจริง ๆ คืออยู่เฝ้าบ้านไม่ออกไปไหน.....พอผมถามว่าแล้วตอนนี้ครูจงดีอายุมากแล้วยังดุมั๊ย ครูวิมลตอบว่า....เคยเป็นยังไงก็ยังเป็นยังงั้นแหละเธอ เหมือนเดิมเลย บางทีพี่ทำอะไรไม่ถูกใจ ยังหันมาทำตาเขียวใส่พี่เลย ฮิ ๆๆ....
ผมไม่แน่ใจว่าจะมีใครเคยเล่าเรื่องครูจงดีกับครูวิมลให้นักเรียนแพทย์ ม.อ.รุ่นหลัง ๆ ฟังบ้างหรือเปล่า เพราะท่านเป็นครูแพทย์ที่มีความเป็นครูจริง ๆ ถึงแม้จะสอนแบบดุ ๆ แต่ก็ทำให้ผมยังจำสิ่งที่ท่านสอนได้มาจนทุกวันนี้ ต้องยกย่องว่าท่านเป็นปูชนียบุคคลของคณะแพทย์ ม.อ. เป็นเจ้าพ่อเอกซเรย์ ม.อ.

ความคิดเห็น